
รายงานการประกาศผลรางวัล ตุ๊กตาทอง หรือ ออสการ์ 2025 ถ่ายทอดสด เวลาเช้า วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้าตามเวลาประเทศไทย รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนักแสดงฮอลลีวูด เหล่าดารา นักแสดง ผู้กำกับ และคนเบื้องหลังวงการภาพยนตร์ระดับโลก ตบเท้าเข้าร่วมงานพรมแดงสุดอลังการ
เวลา ช่องทางการรับชม ทรูวิชั่นส์
สำหรับท่านผู้ชมชาวไทยที่รอคอยการถ่ายทอดสด งานจะเริ่มขึ้นในเวลา 07:00 น. ามเวลาประเทศไทย ช่องทางหลักในการรับชม ทรูไอดี True Film 1 สำหรับผู้ชมออนไลน์ และ แอปพลิเคชั่น Disney+ Hotstar
ส่วนทั่วโลก ปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เราสามารถรับชม สดๆ ผ่านแอปพลิเคชัน ABC ซึ่งดาวน์โหลดได้ฟรี หรือทางเว็บไซต์ abc.com (อาจต้องใช้ข้อมูล Cable Provider ในการรับชม)
นอกจากนี้ ยังมีบริการสตรีมมิ่งเจ้าดังมากมายที่ถ่ายทอดสดช่อง ABC เช่น Hulu + Live TV, YouTube TV, AT&T TV และ FuboTV ซึ่งอาจมีค่าบริการสมาชิก)
ประเทศแคนาดา รับชมได้ทาง CTV ส่วนในสหราชอาณาจักร ดูสดออสการ์ได้ทาง ITV
พรมแดงออสการ์ 2025 แดงสดสะกดทุกสายตา
ไฮไลท์สำคัญที่พลาดไม่ได้ของงานออสการ์ ก็คือ พรมแดงสุดหรูหรา ปีนี้พรมแดงจะกลับมาเป็นสีแดงสดอีกครั้ง หลังจากที่เคยมีปีใช้พรมแชมเปญ ได้ จูลีแอนน์ ฮัฟ และ เจสซี พาล์มเมอร์ รับหน้าที่พิธีกรในช่วงพรีโชว์พรมแดงอย่างเป็นทางการ เริ่มตั้งแต่เวลา 06:30 น. ซึ่งคาดว่าเหล่าดาราชายหญิงที่เข้าชิงรางวัลรอบสุดท้าย จะจัดชุดจัดเต็มเรียกเสียงแฟลช เอาฤกษ์เอาชัย ก่อนประกาศรางวัลแน่นอน
พิธีกรสุดฮา รับหน้าที่สร้างสีสัน
สำหรับพิธีกรดำเนินงานในปีนี้ ได้แก่ โคแนน โอไบรอัน นักแสดงตลกชื่อดัง เจ้าของรางวัล Emmy พิธีกรพอดแคสต์ และนักเดินทางมากประสบการณ์
โคแนน โอไบรอัน วัย 61 ปี ยอมรับว่าช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่หนักหน่วงสำหรับเขา เพราะในเดือนธันวาคม คุณพ่อคุณแม่ของเขาที่อายุ 90 กว่าปี เพิ่งเสียชีวิตไปอย่างกระทันหัน แถมพอกลับมาลอสแอนเจลิสเพื่อเตรียมงานออสการ์ ก็ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ จนต้องอพยพออกจากบ้านไปพักที่โรงแรมแทน ถึงแม้ว่าเขาจะเคยรับหน้าที่พิธีกรงาน Emmys มาแล้วถึงสองครั้ง แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาได้ขึ้นเวทีออสการ์ ซึ่งเขาถึงกับแซวว่า “นี่เป็นวิธีเดียวที่ผมจะได้บัตรเชิญมาร่วมงานครับ!”
ทัพดาราดังร่วมขึ้นเวที มอบรางวัล
และแน่นอนว่า ออสการ์ปีนี้ยังคงคับคั่งไปด้วยเหล่าซุปตาร์แถวหน้าของฮอลลีวูด ที่จะมาร่วมเป็นผู้เชิญรางวัล โดยธรรมเนียมปฏิบัติ ผู้ชนะรางวัลนักแสดงนำและสมทบจากปีที่แล้ว จะกลับมาร่วมงานเพื่อมอบรางวัลในปีนี้ ซึ่งหมายความว่าเราจะได้พบกับ คิลเลียน เมอร์ฟี (นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม), เอมมา สโตน (นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม), โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม) และ Da’Vine Joy Randolph(นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม) บนเวทีอีกครั้ง
นอกจากนี้ ยังมีรายชื่อดาราแถวหน้าอีกมากมายที่จะมาร่วมงาน อาทิ ฮัลลี เบอร์รี่, เพเนโลเป้ ครูซ, วิลเลม เดโฟ, ลิลี โรส-เดปป์, แฮร์ริสัน ฟอร์ด, กัล กาด็อท, แอนดรูว์ การ์ฟิลด์, วูปี โกลด์เบิร์ก, เซเลนา โกเมซ, ซามูเอล แอล. แจ็คสัน, สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน, เอมี่ โพห์เลอร์, โซอี้ ซัลดาญา, เบน สติลเลอร์, โอปราห์ วินฟรีย์, โบเวน หยาง และ ราเชล เซกเลอร์
โชว์พิเศษจาก “Wicked” และศิลปินดัง
ปีนี้ ออสการ์จะแหวกธรรมเนียม โดยไม่มีการแสดงเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เข้าชิงรางวัล แต่จะให้ความสำคัญกับการแสดงโชว์สุดพิเศษแทน ที่คนรอคอยคือ การแสดงเปิดงานสุดอลังการจากทีมนักแสดงนำจากภาพยนตร์เพลงฟอร์มยักษ์ “Wicked” นำโดย อาเรียนา แกรนด์ และ ซินเธีย เอริโว
เสริมทัพด้วยการแสดงทรีบิวต์ภาพยนตร์สายลับ เจมส์ บอนด์ จาก 3 สาวบอร์น อเกน โจคาแคท, เรย์ แล ลิซ่า นับเป็นคนไทยคนที่สองต่อจาก แก้ม วิชญาณี ที่ได้โอกาสขึ้นแสดงบนเวทีอันทรงเกียรตินี้
รายชื่อ ภาพยนตร์ นักแสดงเข้าชิงรางวัล ออสการ์ 2025
สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- เอเดรียน โบรดี – The Brutalist
- ทิโมธี ชาลาเมต์ – A Complete Unknown
- โคลแมน โดมิงโก – Sing Sing
- ราล์ฟ ไฟนส์ – Conclave
- เซบาสเตียน สแตน – The Apprentice
สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- ยูรา บอริซอฟ – Anora
- เคียแรน คัลกิน – A Real Pain
- เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน – A Complete Unknown
- กาย เพียร์ซ – The Brutalist
- เจเรมี สตรอง – The Apprentice
สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- ซินเทีย เอริโว – Wicked
- การ์ลา โซเฟีย กัสกอน – Emilia Pérez
- ไมกี้ แมดิสัน – Anora
- เดมี มัวร์ – The Substance
- เฟอร์นันดา ตอร์เรส – I’m Still Here
สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- โมนิกา บาร์บาโร – A Complete Unknown
- อารีอานา กรานเด – Wicked
- เฟลิซิตี้ โจนส์ – The Brutalist
- อิซาเบลลา รอสเซลลินี – Conclave
- โซอี ซัลดานา – Emilia Pérez
สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- FLOW
- Gints Zilbalodis, Matīss Kaža, Ron Dyens and Gregory Zalcman
- INSIDE OUT 2
- Kelsey Mann and Mark Nielsen
- MEMOIR OF A SNAIL
- Adam Elliot and Liz Kearney
- WALLACE & GROMIT: VENGEANCE MOST FOWL
- Nick Park, Merlin Crossingham and Richard Beek
- THE WILD ROBOT
- Chris Sanders and Jeff Hermann
สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันขนาดสั้นยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- BEAUTIFUL MEN
- Nicolas Keppens and Brecht Van Elslande
- IN THE SHADOW OF THE CYPRESS
- Shirin Sohani and Hossein Molayemi
- MAGIC CANDIES
- Daisuke Nishio and Takashi Washio
- WANDER TO WONDER
- Nina Gantz and Stienette Bosklopper
- YUCK!
- Loïc Espuche and Juliette Marquet
สาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- THE BRUTALIST
- Lol Crawley
- DUNE: PART TWO
- Greig Fraser
- EMILIA PÉREZ
- Paul Guilhaume
- MARIA
- Ed Lachman
- NOSFERATU
- Jarin Blaschke
สาขาออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- A COMPLETE UNKNOWN
- Arianne Phillips
- CONCLAVE
- Lisy Christl
- GLADIATOR II
- Janty Yates and Dave Crossman
- NOSFERATU
- Linda Muir
- WICKED
- Paul Tazewell
สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- ANORA
- Sean Baker
- THE BRUTALIST
- Brady Corbet
- A COMPLETE UNKNOWN
- James Mangold
- EMILIA PÉREZ
- Jacques Audiard
- THE SUBSTANCE
- Coralie Fargeat
สาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- BLACK BOX DIARIES
- Shiori Ito, Eric Nyari and Hanna Aqvilin
- NO OTHER LAND
- Basel Adra, Rachel Szor, Hamdan Ballal and Yuval Abraham
- PORCELAIN WAR
- Brendan Bellomo, Slava Leontyev, Aniela Sidorska and Paula DuPre’ Pesmen
- SOUNDTRACK TO A COUP D’ETAT
- Johan Grimonprez, Daan Milius and Rémi Grellety
- SUGARCANE
- Julian Brave NoiseCat, Emily Kassie and Kellen Quinn
สาขาภาพยนตร์สารคดีขนาดสั้นยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- DEATH BY NUMBERS
- Kim A. Snyder and Janique L. Robillard
- I AM READY, WARDEN
- Smriti Mundhra and Maya Gnyp
- INCIDENT
- Bill Morrison and Jamie Kalven
- INSTRUMENTS OF A BEATING HEART
- Ema Ryan Yamazaki and Eric Nyari
- THE ONLY GIRL IN THE ORCHESTRA
- Molly O’Brien and Lisa Remington
สาขาตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- ANORA
- Sean Baker
- THE BRUTALIST
- David Jancso
- CONCLAVE
- Nick Emerson
- EMILIA PÉREZ
- Juliette Welfling
- WICKED
- Myron Kerstein
สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- BRAZIL – I’m Still Here
- DENMARK – The Girl with the Needle
- FRANCE – Emilia Pérez
- GERMANY – The Seed of the Sacred Fig
- LATVIA – Flow
สาขาแต่งหน้าและทำผมยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- A DIFFERENT MAN
- Mike Marino, David Presto and Crystal Jurado
- EMILIA PÉREZ
- Julia Floch Carbonel, Emmanuel Janvier and Jean-Christophe Spadaccini
- NOSFERATU
- David White, Traci Loader and Suzanne Stokes-Munton
- THE SUBSTANCE
- Pierre-Olivier Persin, Stéphanie Guillon and Marilyne Scarselli
- WICKED
- Frances Hannon, Laura Blount and Sarah Nuth
สาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- THE BRUTALIST
- Daniel Blumberg
- CONCLAVE
- Volker Bertelmann
- EMILIA PÉREZ
- Clément Ducol and Camille
- WICKED
- John Powell and Stephen Schwartz
- THE WILD ROBOT
- Kris Bowers
สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- EL MAL จาก Emilia Pérez
- Music by Clément Ducol and Camille; Lyric by Clément Ducol, Camille and Jacques Audiard
- THE JOURNEY จาก The Six Triple Eight
- Music and Lyric by Diane Warren
- LIKE A BIRD จาก Sing Sing
- Music and Lyric by Abraham Alexander and Adrian Quesada
- MI CAMINO จาก Emilia Pérez
- Music and Lyric by Camille and Clément Ducol
- NEVER TOO LATE จาก Elton John: Never Too Late
- Music and Lyric by Elton John, Brandi Carlile, Andrew Watt and Bernie Taupin
สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- ANORA
- Alex Coco, Samantha Quan and Sean Baker, Producers
- THE BRUTALIST
- Nick Gordon, Brian Young, Andrew Morrison, D.J. Gugenheim and Brady Corbet, Producers
- A COMPLETE UNKNOWN
- Fred Berger, James Mangold and Alex Heineman, Producers
- CONCLAVE
- Tessa Ross, Juliette Howell and Michael A. Jackman, Producers
- DUNE: PART TWO
- Mary Parent, Cale Boyter, Tanya Lapointe and Denis Villeneuve, Producers
- EMILIA PÉREZ
- Pascal Caucheteux and Jacques Audiard, Producers
- I’M STILL HERE
- Maria Carlota Bruno and Rodrigo Teixeira, Producers
- NICKEL BOYS
- Dede Gardner, Jeremy Kleiner and Joslyn Barnes, Producers
- THE SUBSTANCE
- Coralie Fargeat and Tim Bevan & Eric Fellner, Producers
- WICKED
- Marc Platt, Producer
สาขาออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- THE BRUTALIST
- Production Design: Judy Becker; Set Decoration: Patricia Cuccia
- CONCLAVE
- Production Design: Suzie Davies; Set Decoration: Cynthia Sleiter
- DUNE: PART TWO
- Production Design: Patrice Vermette; Set Decoration: Shane Vieau
- NOSFERATU
- Production Design: Craig Lathrop; Set Decoration: Beatrice Brentnerová
- WICKED
- Production Design: Nathan Crowley; Set Decoration: Lee Sandales
สาขาภาพยนตร์สั้นไลฟ์แอ็กชันยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- A LIEN
- Sam Cutler-Kreutz and David Cutler-Kreutz
- ANUJA
- Adam J. Graves and Suchitra Mattai
- I’M NOT A ROBOT
- Victoria Warmerdam and Trent
- THE LAST RANGER
- Cindy Lee and Darwin Shaw
- THE MAN WHO COULD NOT REMAIN SILENT
- Nebojša Slijepčević and Danijel Pek
สาขาบันทึกเสียงยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- A COMPLETE UNKNOWN
- Tod A. Maitland, Donald Sylvester, Ted Caplan, Paul Massey and David Giammarco
- DUNE: PART TWO
- Gareth John, Richard King, Ron Bartlett and Doug Hemphill
- EMILIA PÉREZ
- Erwan Kerzanet, Aymeric Devoldère, Maxence Dussère, Cyril Holtz and Niels Barletta
- WICKED
- Simon Hayes, Nancy Nugent Title, Jack Dolman, Andy Nelson and John Marquis
- THE WILD ROBOT
- Randy Thom, Brian Chumney, Gary A. Rizzo and Leff Lefferts
สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- ALIEN: ROMULUS
- Eric Barba, Nelson Sepulveda-Fauser, Daniel Macarin and Shane Mahan
- BETTER MAN
- Luke Millar, David Clayton, Keith Herft and Peter Stubbs
- DUNE: PART TWO
- Paul Lambert, Stephen James, Rhys Salcombe and Gerd Nefzer
- KINGDOM OF THE PLANET OF THE APES
- Erik Winquist, Stephen Unterfranz, Paul Story and Rodney Burke
- WICKED
- Pablo Helman, Jonathan Fawkner, David Shirk and Paul Corbould
สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- A COMPLETE UNKNOWN
- Screenplay by James Mangold and Jay Cocks
- CONCLAVE
- Screenplay by Peter Straughan
- EMILIA PÉREZ
- Screenplay by Jacques Audiard; In collaboration with Thomas Bidegain, Léa Mysius and Nicolas Livecchi
- NICKEL BOYS
- Screenplay by RaMell Ross & Joslyn Barnes
- SING SING
- Screenplay by Clint Bentley, Greg Kwedar; Story by Clint Bentley, Greg Kwedar, Clarence Maclin, John “Divine G” Whitfield
สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ผู้เข้าชิง
- ANORA
- Written by Sean Baker
- THE BRUTALIST
- Written by Brady Corbet, Mona Fastvold
- A REAL PAIN
- Written by Jesse Eisenberg
- SEPTEMBER 5
- Written by Moritz Binder, Tim Fehlbaum; Co-Written by Alex David
- THE SUBSTANCE
- Written by Coralie Fargeat
สำหรับภาพยนตร์ที่เข้าชิงรางวัลมากที่สุดในออสการ์ปีนี้ คือ ภาพยนตร์มิวสิคัลภาษาสเปน “Emilia Pérez” เข้าชิงถึง 13 รางวัล ตามมาด้วย “The Brutalist” และ “Wicked” ที่เข้าชิงเท่ากัน 10 รางวัล ส่วน “A Complete Unknown” (ภาพยนตร์ชีวประวัติ Bob Dylan) และ “Conclave” ต่างก็เข้าชิง 8 รางวัล
ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง Adrien Brody (“The Brutalist”), Timothée Chalamet (“A Complete Unknown”), Colman Domingo (“Sing Sing”), Ralph Fiennes (“Conclave”) และ Sebastian Stan (“The Apprentice”) ขณะที่สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม เป็นการประชันฝีมือของ Cynthia Erivo (“Wicked”), Karla Sofía Gascón (“Emilia Pérez”), Mikey Madison (“Anora”), Demi Moore (“The Substance”) และ Fernanda Torres (“I’m Still Here”)

ทำนายผลรางวัล ใครจะคว้ารางวัลออสการ์ปีนี้?
มาถึงช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย การ ทำนายผลรางวัลออสการ์! ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ถึงแม้ว่า “Conclave” จะคว้ารางวัลใหญ่จาก SAG Awards ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ภาพยนตร์เต็งหนึ่งในสาขานี้ ยังคงเป็น “Anora” เพราะกวาดรางวัลใหญ่จาก Producers Guild, Directors Guild และ Writers Guild มาแล้ว แถมผู้กำกับ Sean Baker ก็ยังเป็นตัวเต็งในสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมและบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมอีกด้วย ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของการคว้าชัยชนะในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ออสการ์ก็สอนให้เรารู้ว่า “อะไรก็เกิดขึ้นได้” โดยเฉพาะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ที่มักมีเซอร์ไพรส์อยู่เสมอ อย่างเช่น “Shakespeare in Love” (1999), “Crash” (2006), “Spotlight” (2016), “Parasite” (2020) และ “CODA” (2022) ที่ล้วนแต่เคยคว้ารางวัล Ensemble จาก SAG Awards มาก่อน
ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม Demi Moore ยังคงเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่ง หลังจากสปีชสุดปังในงาน Golden Globes แต่ก็ประมาท Fernanda Torres จาก “I’m Still Here” ไม่ได้ เพราะเธอคือ “ม้ามืด” ที่พร้อมจะพลิกเกมได้ทุกเมื่อ
ส่วนสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ถึงแม้ว่า Timothée Chalamet จะสร้างเซอร์ไพรส์คว้ารางวัลจาก SAG Awards ไปครอง และกลายเป็นนักแสดงชายอายุน้อยที่สุดที่เคยได้รับรางวัลนี้ แต่ Adrien Brody จาก “The Brutalist” ก็ยังคงเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งในสายตาของนักวิจารณ์และนักเดิมพัน เพราะสถาบัน Academy มักจะไม่ค่อยโปรดปรานนักแสดงชายอายุน้อยเท่าไหร่นัก โดยมีเพียง Brody คนเดียวเท่านั้นที่เคยคว้ารางวัลนำชายออสการ์ได้ในวัย 29 ปี จากภาพยนตร์เรื่อง “The Pianist”
และในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม Kieran Culkin จาก “A Real Pain” น่าจะเข้าป้ายแบบไร้คู่แข่ง เพราะกวาดรางวัลจากทุกเวทีใหญ่มาหมดแล้ว (สปีชรับรางวัลของเขาก็ฮือฮาไม่แพ้สปีชของ Demi Moore เลยทีเดียว!) ส่วนสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ถึงแม้ว่า “Emilia Pérez” จะมีประเด็นดราม่า แต่ Zoe Saldaña ก็ยังคงเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งจากบทบาททนายความมากฝีมือ
ธีมงานระลึกผลกระทบจากไฟไหม้ฮอลลีวูด
จากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในลอสแอนเจลิส ผู้จัดงานออสการ์เผยว่าปีนี้จะให้ความสำคัญกับการยกย่องเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและหน่วยกู้ภัย ที่เสียสละและทุ่มเทแรงกายแรงใจในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทาง Academy ได้ยกเลิกงานเลี้ยงอาหารกลางวันสำหรับผู้เข้าชิงรางวัลประจำปี เพื่อแสดงความเห็นใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
นักแสดง นักดนตรี และคนดังในฮอลลีวูดจำนวนมาก รวมถึง บิลลี่ คริสตัล และ เมล กิ๊บสัน ก็เป็นหนึ่งในผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้เช่นกัน โคนันโอไบรอัน กล่าวกับสำนักข่าว AP ว่า “ผมรู้จักคนมากมายที่บ้านถูกไฟไหม้ เราจึงอยากให้งานออสการ์ปีนี้สะท้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และให้เกียรติคนที่สมควรได้รับการยกย่องอย่างเหมาะสม”
ดราม่าเบื้องหลัง “Emilia Pérez”
สำหรับประเด็นดราม่าของภาพยนตร์ “Emilia Pérez” สรุปง่ายๆ ก็คือ เกิดจากโพสต์เก่าๆ ในโซเชียลมีเดียของการ์ลา โซฟิอา กัสกอน หนึ่งในนักแสดงนำ ซึ่งถูกมองว่ามีเนื้อหาเหยียดหยามไม่ให้เกียรติ กลุ่ม LGBTQ+ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจเป็นการ ก้าวถอยหลัง ในเรื่องการนำเสนอภาพลักษณ์ของคนข้ามเพศ
ปีนี้จะไม่มีสัตว์ร่วมงาน?
น่าเสียดายที่ปีนี้อาจจะไม่มีภาพน่ารักๆ ของสัตว์เลี้ยงบนพรมแดง เหมือนปีก่อนๆ ที่มีทั้ง Jenny ลาแสนรู้จาก “The Banshees of Inisherin” หรือ Messi น้องหมา Border collie จาก “Anatomy of a Fall” แต่ก็ยังพอมีความหวังเล็กๆ เพราะมีข่าวแว่วมาว่า Demi Moore อาจจะพาน้องหมา Chihuahua สุดเลิฟ Pilaf มาร่วมงานด้วย ซึ่งน้อง Pilaf ก็มีประวัติการออกงานอีเวนต์อย่างโชกโชน ถึงขนาดเคยนั่งชมละครบรอดเวย์เรื่อง “Sunset Boulevard” มาแล้ว!
และนี่คือทั้งหมดของการรายงานสด งานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 97 ประจำปี 2025 ในช่วงพรีโชว์ ไทยเกอร์จะเกาะติดสถานการณ์จาก Dolby Theatre และรายงานผลรางวัลให้ท่านผู้ชมทราบอย่างรวดเร็วที่สุด อย่าลืมติดตามชมการถ่ายทอดสด และร่วมลุ้นไปกับคนดังฮอลลีวูดที่คุณชื่นชอบ ได้ตั้งแต่เวลา 07:00 น. เช้าวันจันทร์ที่ 3 มีนาคม 2568 ตามเวลาประเทศไทย