เสียงสะท้อนจากคนไทยเจ้าบ้าน เมื่อ “แดนเสรี” กลายเป็น “แดนเถื่อน” ในสายตาคนไทย เพราะพฤติกรรมต่างชาติ
ประเทศไทย ดินแดนที่ขึ้นชื่อเรื่อง “สยามเมืองยิ้ม” มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมายาวนาน ภาพจำของประเทศที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันงดงาม อาหารเลิศรส ผู้คนที่เป็นมิตร กำลังถูกสั่นคลอนด้วยคลื่นกระแสการหลั่งไหลเข้ามาของชาวต่างชาติกลุ่มใหม่ ที่ไม่ได้มุ่งหวังเพียงการพักผ่อนหย่อนใจ แต่กลับแฝงเร้นด้วยธุรกิจสีเทา การกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย ลงหลักปักฐานสร้างอาชีพ ทำงานแย่งงานคนไทย สร้างความเดือดร้อนระอาใจให้กับคนไทยเจ้าของประเทศอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ปรากฏการณ์ “ต่างชาติเทา” ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ทว่าในช่วงปี 2024-2025 นี้ ปัญหาดังกล่าวกลับทวีความรุนแรง ขยายวงกว้างอย่างน่าตกใจ จากข่าวสารที่ปรากฏอย่างต่อเนื่อง เราได้เห็นภาพชัดเจนของกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในประเทศไทยอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ก่อคดีอาชญากรรมหลากหลายรูปแบบ สร้างผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในหลายมิติ
จีนเทา เงาธุรกิจมืดที่แผ่ขยาย
ปัญหา “จีนเทา” กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่สังคมไทยจับตามองมาตลอดปี 2024 กลุ่มทุนจีนสีเทาเหล่านี้ไม่ได้เข้ามาลงทุนอย่างโปร่งใส แต่กลับใช้ประเทศไทยเป็นฐานปฏิบัติการธุรกิจผิดกฎหมายหลากหลายประเภท ข่าวจากเมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 รายงานการทลายเครือข่าย “แก๊งจีนเทา” ที่ลักลอบเปิดบ่อนพนันออนไลน์และธุรกิจผิดกฎหมายอื่นๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ยึดทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล หรือล่าสุด หลังจากรัฐบาลไทยตัดไฟชายแดน ตัดแหล่งหล่อเลี้ยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนในประเทศเพื่อนบ้าน ก็สามารถขยายกวาดล้างเครือข่าย ทำให้ทราบว่ามีชาวจีนแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนมาก หลบซ่อนในไทย โดยเฉพาะย่านห้วยขวาง สุขุมวิท เป็นฐานที่มั่น
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ภัยร้ายออนไลน์ที่กัดกินสังคม
อีกหนึ่งปัญหาอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนไทยอย่างมากคือ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ซึ่งมีชาวต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก ข่าวจาก PPTV HD 36 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 รายงานการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานปฏิบัติการหลอกลวงประชาชน โดยมีชาวจีนและชาวไต้หวันเป็นหัวหน้าแก๊ง หลอกลวงเหยื่อให้โอนเงิน สูญเสียทรัพย์สินไปจำนวนมาก ภัยร้ายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ไม่เพียงสร้างความเสียหายทางการเงิน แต่ยังส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ และสร้างความหวาดระแวงในสังคมออนไลน์
อ้างอิงจาก แอปพลิเคชัน Whoscall เปิดรายงาน ปี 2567 Whoscall สามารถระบุสายโทรศัพท์และข้อความหลอกลวงได้สูงสุดในรอบ 5 ปี สูงถึง 168 ล้านครั้ง
ตั้งแต่ปี 2565 ตำรวจไซเบอร์ได้รับแจ้งความการหลอกลวงคนไทยจากไซเบอร์ เสียหายไปแล้วกว่า 8 หมื่นล้านบาท และแต่มกราคม 2568 เดือนเดียว มีคนตกเป็นเหยื่อที่ตรวจสอบได้กว่า 3 หมื่นราย 400 ล้านบาท
อิสราเอลในปาย แดนสวรรค์ที่ต้องปรับสมดุล
อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล แต่การหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ในจำนวนมาก ก็ก่อให้เกิดความท้าทายในการปรับสมดุลระหว่างการท่องเที่ยวกับการรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนในท้องถิ่น ข่าวจากเชียงใหม่ ปรากฎนักท่องเที่ยวอิสราเอลกลุ่มหนึ่งทำพฤติกรรมไม่ดีจนถูกเนรเทศ ร้อนถึงสถานทูตอิสราเอล ต้องออกหนังสือเตือนพลเมืองประเทศตัวเองในไทย ให้ปฏิบัติตามกฎกติกาบ้านเมือง เคารพวัฒธรรมและคนท้องถิ่น
ทุนจีนคอนโดเช่ารายวัน รุกคืบธุรกิจที่อยู่อาศัย
ปัญหาการปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมรายวันโดยกลุ่มทุนจีน กลายเป็นปัญหาสร้างความให้คนไทยที่พักอาศัย เพราะถูกกลุ่มทุนจีนเหมาซื้อแล้วนำมาปล่อยเช่ารายวันผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซ้ำยังได้เพื่อนบ้านรายวันที่มีพฤติกรรมไม่เคารพสถานที่ ส่วนรวม ถึงกับนั่งสูบบุหรี่ ทิ้งขยะในสระน้ำก็มี
รัสเซียในภูเก็ต เริ่มสร้างเครือข่ายอาชีพ
ภูเก็ตยังเป็นพื้นที่ที่พบการเข้ามาอาศัยอยู่ของชาวรัสเซียจำนวนมาก โดยเฉพาะหลังสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครน แม้ว่าชาวรัสเซียส่วนใหญ่จะเข้ามาอยู่อาศัยอย่างสงบและไม่ได้ก่อปัญหาอาชญากรรม แต่การเพิ่มขึ้นของประชากรชาวรัสเซียในภูเก็ตอย่างรวดเร็ว ก็สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับภูมิทัศน์ทางสังคมและเศรษฐกิจของพื้นที่ บางรายงานข่าวระบุถึงการเข้ามาทำธุรกิจบางประเภทที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการท้องถิ่น แย่งงานคนในท้องถิ่น
เสียงจากคนไทย เมื่อ “แดนเสรี” ไม่ใช่ของเราคนเดียว
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ซับซ้อในการบริหารจัดการการเข้ามาของชาวต่างชาติในประเทศไทย ฟรีวีซ่า ในขณะที่เราเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากทั่วโลก เราก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการเข้ามาของกลุ่มคนที่แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เสียงสะท้อนจากคนไทยจำนวนมากที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ แสดงถึงความรู้สึกไม่พอใจและกังวลใจต่อสถานการณ์ที่เป็นอยู่ พวกเขามองว่า “แดนเสรี” ที่เคยเป็นของเรา กำลังถูกแบ่งปันให้กับกลุ่มคนที่เข้ามาเอาเปรียบและสร้างความเดือดร้อน
การแก้ไขปัญหา “ต่างชาตินิสัยไม่ดีกับต่างชาติเทา” ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ภาครัฐต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและเข้มงวด เพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบและเฝ้าระวังการกระทำผิดกฎหมายของชาวต่างชาติ ภาคเอกชนต้องมีส่วนร่วมในการสร้างจิตสำนึกและความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม และประชาชนต้องเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสเมื่อพบเห็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
ประเทศไทยยังคงเป็น “แดนเสรี” ที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน แต่ “เสรี” นั้นต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและความเคารพซึ่งกันและกัน การปล่อยปละละเลยให้ “แดนเสรี” กลายเป็น “แดนเถื่อน” ย่อมไม่ใช่สิ่งที่คนไทยต้องการ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องร่วมกันทบทวนและปรับปรุงแนวทางการบริหารจัดการการเข้ามาของชาวต่างชาติ เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคมไทย
ข่าวล่าสุด
