ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Paphawarin Simlakorn หน่วยกู้ชีพเทศบาลตำบลดอนมนต์ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ โพสต์ข้อความเตือนผู้ปกครอง กรณีเด็กนักเรียนชั้นประถม 5-มัธยม 2 ป่วยเข้าโรงพยาบาล เพราะสูบบุหรี่ไฟฟ้า ดื่มน้ำกระท่อม ข้อความว่า “…มาอีกแล้วพิษบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำกระท่อม วันนี้ส่งต่อเด็กนักเรียนประถม ป.5 (1 คน) ป.6 (1 คน) ม.2 (1 คน) สูบบุหรี่ไฟฟ้า ดื่มน้ำกระท่อม รวมแล้วอนามัยเรานำส่งรวม 8 เคส มาด้วยอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่ม…”
เรื่องราวน่าเศร้านี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก็เพิ่งมีด็กหญิงวัย 15 ปี ในพื้นที่เดียวกัน เสียชีวิตเพราะพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าไปแล้ว
คุณยายเอ (นามสมมุติ) วัย 50 ปี ซึ่งเป็นย่าของเด็กหญิงวัย 12 ขวบ นักเรียนชั้น ป.6 หนึ่งในกลุ่มเด็กที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการน่าเป็นห่วง
คุณยายเอ เล่าว่า หลานสาวเคยเป็นเด็กดี ขยันขันแข็ง ช่วยงานบ้านมาตลอดตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ป.4 แต่พอขึ้น ป.5 ป.6 พฤติกรรมของหลานก็เปลี่ยนไป กลายเป็นคนหงุดหงิดง่าย ขี้โมโห ไม่ค่อยช่วยงานบ้านเหมือนเดิม แถมทุกวันหลังเลิกเรียนก็จะบอกว่าไปทำการบ้านบ้านเพื่อน ออกจากบ้านแทบทุกวัน
จนกระทั่งวันหนึ่ง ทางโรงเรียนได้ติดต่อมาแจ้งข่าวว่า หลานสาวถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสตึกด่วน ด้วยอาการหายใจไม่อิ่ม, อาเจียน, และอ่อนเพลียไม่มีแรง เมื่อคุณยายรีบไปถึงโรงพยาบาล ก็ได้ทราบผลตรวจจากคุณหมอที่ทำเอาหัวใจแทบสลาย คุณหมอบอกว่า น้องสูบบุหรี่ไฟฟ้ามานานถึง 2 ปีแล้ว แถมยังดื่มน้ำกระท่อมเป็นประจำทุกวัน
อาการของน้องตอนนี้หนักหนาสาหัส ปอดเสียหายไปเกือบหมด ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจพยุงชีวิต คุณยายเอ ถึงกับร้องไห้ บอกว่าอยากให้รัฐบาลเข้ามาจัดการปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียนอย่างจริงจัง อยากให้ “ห้ามสูบ ห้ามขาย” เด็ดขาด เพราะเชื่อว่าตอนนี้บุหรี่ไฟฟ้าระบาดไปทั่วประเทศแล้ว และลูกหลานของใครหลายคนก็กำลังตกอยู่ในอันตราย
ทั้งนี้กระท่อมเป็นพืชมีสารเคมีที่เรียกว่า ไมทราไจนีน ซึ่งมีฤทธิ์ต่อสมองและระบบประสาท เมื่อเคี้ยวหรือดื่มน้ำกระท่อม สารไมทราไจนีนจะออกฤทธิ์กระตุ้น กดประสาท และแก้ปวดช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและลดความวิตกกังวลได้ แต่การใช้กระท่อมเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการเสพติด ผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ปวดหัว และใจสั่น บางรายอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ข่าวล่าสุด
