ข่าวการเมือง

“พีระพันธุ์” แจงแล้ว หลังถูกพาดพิง “ปอ” โทรหา หลัง “แตงโม” ตกเรือ

พีระพันธุ์ ชี้แจง หลังถูกพาดพิงว่า ปอ โทรหา หลัง แตงโม ตกเรือ รู้จักในฐานะคนทำธุรกิจ ยืนยันไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวคดี และไม่เคยช่วยเหลือใคร

จากกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ในฐานะสื่อมวลชนอาวุโส กล่าวถึงคดีแตงโมตกเรือ ว่าวันที่แตงโมพลักตกจากเรือ ปัจจุบันจากการตรวจสอบพบประเด็นที่น่าสนใจ คือ ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ก.พ. ปรากฎ ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ “ปอ” หนึ่งในคนบนเรือ มีการโทรศัพท์ไปหาบุคคลหนึ่งซึ่งนายสนธิพูดเองว่าคือ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงานนั้น

Advertisements

ล่าสุด น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยบทสัมภาษณ์ นายพีระพันธุ์ เกี่ยวกับประเด็นที่ถูกพาดพิงใน คดีแตงโม ย้ำไม่เคยช่วยคนทำผิดทุกกรณี

พร้อมกล่าวต่อว่าเรื่องที่ถูกพาดพิงในคดีดังกล่าวนั้นว่า เราไม่รู้ว่าใครจะโทรหาเรา และไม่รู้ว่าแต่ละคนที่รู้จักจะเกิดเหตุอะไร ตนเป็นคนทำงานการเมืองที่ต้องดูแลประชาชน จึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนโทรหาตลอดเวลา ส่วนใหญ่มักเป็นคนที่มีปัญหาเดือดร้อน เมื่อมีสายโทรศัพท์เข้ามา ตนก็รับตลอด แต่ถ้ารับไม่ทัน ก็โทรกลับไปเป็นเรื่องปกติ

ส่วน ปอ ตนรู้จักในฐานะที่เขาเป็นคนทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์และเปิดอู่ซ่อม ตนเคยซื้อรถและซ่อมรถกับเขา ซึ่งในวันที่เกิดเหตุ เขาได้เล่าให้ฟังว่าเขาไปลงเรือกับเพื่อนๆ แล้วเพื่อนประสบอุบัติเหตุตกน้ำ เขาเองก็ตกใจ พูดไม่ค่อยเข้าใจ ตนเลยบอกว่า ค่อยๆ เล่าเรียบเรียงเหตุการณ์

“พอเขาเรียบเรียงเหตุการณ์มาเสร็จ เขาถามผมว่าต้องทําอย่างไร ผมก็บอกว่าสิ่งที่คุณต้องทําอันดับแรกคือ ต้องไปแจ้งตํารวจ แต่เกิดในน้ำ ผมไม่รู้ว่าตำรวจน้ำหรือตำรวจท้องที่รับผิดชอบ และผมไม่ทราบว่าเป็นท้องที่ใคร ให้ไปที่สถานีตํารวจสักแห่งหนึ่งก็ได้แล้วไปเล่าให้เขาฟัง จุดเกิดเหตุอยู่ไหน จะต้องทําอย่างไร ไปแจ้งตํารวจ ที่ สน.อะไรก็ว่ากันไปตามนั้น ก็เท่านี้ไม่ได้มีอะไร” นายพีระพันธุ์ กล่าว

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า วันนั้นเราก็ยังไม่รู้ว่าเกิดเหตุ และตนไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ประสบเหตุ ถึงบอกก็ไม่รู้จัก เพราะไม่รู้จักดาราเลย และหลังจากนั้นตนก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้อีกเลย คดีความเขาเป็นอะไรเราก็ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยว ไม่เคยไปให้คําแนะนําทางกฎหมาย หรือว่าไปช่วยเหลืออะไรเลย

Advertisements

เมื่อถามว่าหลังจากวันนั้น นายปอ เคยมาพบหรือโทรมาพูดคุยอีกหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่เคยมาพบตน แต่โทรศัพทท์ก็เคยเพราะเราเอารถไปซ่อม ไม่ได้ติดต่อกันประจำ ก่อนที่เขาจะเกิดเหตุเป็นข่าวขึ้นมา เขาก็เป็นคนทําธุรกิจที่เรารู้จักธรรมดา ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องไปเกี่ยวข้องอะไรกับเขา เชื่อว่าวันนั้นเขาคงไม่ได้โทรหาตนคนเดียวหรอก แต่ทําไมต้องเอาตนอ้างขึ้นมา

ความจริงการทำคดีแบบนี้ ถ้าเป็นตน ประเด็นหลักอยู่ที่ใครกระทำความผิดจริงหรือไม่ ใครเกี่ยวข้องบ้างที่ช่วยเหลือ ดูการกระทำของคน ไม่ใช่ว่าโทรศัพท์หาใคร ยืนยันตนไม่เคยช่วย ถ้าผิดก็ว่าตามผิด ถามว่าตนจะไปเกี่ยวอะไรกับเขา ทำไมตนต้องเอาหน้าที่การงานไปเกี่ยวกับเขา

เมื่อถามว่าหลายคนมองว่ามีเส้นสาย นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ตนแน่นอน เป็นเรื่องคนอื่น ตนเกิดเรื่องก็ไม่เคยใช้ตำแหน่งหน้าที่ ผิดก็ผิด ถูกก็ถูก อย่าว่าแต่กรณีนี้ กรณีอื่นๆตนก็ไม่เคยเข้าไปช่วยเลย

เมื่อถามว่ามองคดีนี้อย่างไร นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า อยู่ที่ตำรวจและคนที่รวบรวมหลักฐาน คดีอย่างนี้ ต้องมุ่งเน้นเป็นประเด็นหลักว่าอยู่ตรงไหน ต้องทำคดีด้วยความเงียบ ไม่โฉ่งฉ่างมากเกินไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nateetorn S.

ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button