“บรรทัดทอง” ทำเลทองสุดฮิต หรือ “ปราบเซียน” ร้านอาหาร ร้านดังประกาศเซ้ง 1.8 ล้าน จุดประกายถกสนั่นโซเชียล ต้องขายเท่าไหร่ถึงจะคุ้มทุน
ย่านบรรทัดทองในเวลานี้ ขึ้นแท่นเป็น “ฟู้ดสตรีท” ระดับประเทศ ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ให้เดินทางมาลิ้มลองอาหารเลิศรสหลากหลายชนิด แต่ในอีกด้านหนึ่ง บรรทัดทองก็ยังคงเป็นสมรภูมิการค้าที่ “หิน” ไม่น้อย เพราะมีร้านอาหารจำนวนไม่น้อยที่ต้องเผชิญกับความท้าทาย จนสุดท้ายต้องประกาศ “เซ้ง” กิจการไปในที่สุด
ล่าสุด กลายเป็นประเด็นโพสต์ฮือฮาบนเฟซบุ๊ก ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในย่านบรรทัดทอง ได้ประกาศเซ้งร้าน โดยระบุรายละเอียดการเซ้งไว้ดังนี้
ประกาศเซ้งร้านอาหาร ทำเลทอง “บรรทัดทอง” ราคา 1.8 ล้านบาท
โพสต์ประกาศเซ้งร้าน ระบุทำเลที่ตั้งของร้านไว้อย่างชัดเจนว่า “ย่านบรรทัดทองทำเลทอง อยู่ตรงข้ามซอยจุฬา 34 ร้านหันหน้าออกถนนบรรทัดทอง ทำธุรกิจได้ทุกประเภท” พร้อมดึงดูดผู้สนใจด้วยข้อเสนอและรายละเอียดดังนี้
-
- ราคาเซ้ง: 1,800,000 บาท
- ค่าเปลี่ยนสัญญา: 100,000 บาท (ผู้ซื้อจ่าย)
- เงินประกันคืนเมื่อครบสัญญา: 260,000 บาท (เมื่ออยู่ครบสัญญาถึง 31 สิงหาคม 2569)
- สัญญาเช่า: ต่อสัญญาระยะยาวกับทางจุฬาฯ ได้
- ค่าสาธารณูปโภค: ค่าน้ำ ค่าไฟ ตามมิเตอร์รัฐ
- ค่าเช่ารายเดือน: 5x,xxx บาท (ห้าหมื่นกว่าบาท)
- ทรัพย์สินที่ได้: แอร์ 5 ตัว, ตู้เย็น 2 ตัว, ปั๊มน้ำ, แท็งก์น้ำ
หลังจากโพสต์ประกาศเซ้งร้านถูกเผยแพร่ออกไป ได้เกิดกระแสอย่างกว้างขวาง หลายคนแสดงความเห็นว่าร้านดังกล่าวเป็นร้านอร่อย แต่การตั้งอยู่ในย่านบรรทัดทอง อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ร้านต้องเผชิญกับความยากลำบากจนต้องตัดสินใจเซ้งร้านในที่สุด เนื่องจากการแข่งขันสูงมาก
ชาวเน็ตแห่วิเคราะห์เจาะลึก ต้องขายเท่าไหร่ถึงจะ “คุ้มทุน”?
ประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากในหมู่ชาวเน็ต คือ การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจ ณ ทำเลนี้ ด้วยราคาเซ้งและค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว โดยมีชาวเน็ตรายหนึ่งได้ลองคำนวณ “ต้นทุนแฝง” และวิเคราะห์ว่า ผู้ที่จะเข้ามารับช่วงต่อธุรกิจ จะต้องมียอดขายเท่าไหร่ถึงจะ “อยู่รอด”
เจาะลึกต้นทุน (โดยประมาณ)
- ค่าเซ้ง + ค่าเปลี่ยนสัญญา: 1,900,000 บาท
- ค่าเช่า 18 เดือน (55,000 บาท/เดือน): 990,000 บาท
- ค่าตกแต่งร้าน (ประมาณ): 300,000 บาท
- ค่าพนักงาน 4 คน (50,000 บาท/เดือน): 900,000 บาท
- ค่าไฟ+น้ำ+เน็ต+น้ำมันรถ (ประมาณ 11,000 บาท/เดือน): 198,000 บาท
- รวมต้นทุนโดยประมาณ (18 เดือน): 4,300,000 บาท
จากตัวเลขข้างต้น หากคิดคำนวณแบบคร่าวๆ ผู้ที่เซ้งร้านจะต้องทำกำไรให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 240,000 บาท เพียงแค่ “เท่าทุน” เท่านั้น ยังไม่รวมถึง “กำไร” ที่ผู้ประกอบการควรจะได้รับ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่ได้ถูกนำมาคำนวณ เช่น ค่าเหนื่อยเจ้าของกิจการ, ระบบ POS, ค่าสื่อและโฆษณา, ค่าวัตถุดิบ และค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ อีกมากมาย
ชาวเน็ตยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า “เมื่อพิจารณาจากระยะเวลาสัญญาเช่าที่เหลืออยู่เพียง 18 เดือน และเงินประกันที่จะได้รับคืนเมื่อครบสัญญาเพียง 260,000 บาท อาจทำให้ระยะเวลาคืนทุนค่อนข้างสั้น และมีความเสี่ยงสูง” พร้อมทิ้งท้ายว่า “อาจจะเป็นการดีกว่าหรือไม่ หากนำเงิน 4.3 ล้านบาท ไปลงทุนในรูปแบบอื่นที่ความเสี่ยงน้อยกว่า”
คำถามน่าสนใจ “จะขายอะไรดี ถึงจะรอด?”
จากสถานการณ์ดังกล่าว คำถามที่ชวนให้คิดต่อคือ “ธุรกิจประเภทใด ที่จะสามารถสร้างรายได้และกำไรให้มากพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่สูงในย่านบรรทัดทอง และทำให้ผู้ประกอบการอยู่รอดได้?”
ผู้เชี่ยวชาญในวงการธุรกิจร้านอาหาร ให้ความเห็นว่า ร้านที่จะประสบความสำเร็จในย่านบรรทัดทองได้นั้น ต้องมีจุดเด่นที่แตกต่างและโดดเด่นอย่างแท้จริง อาจจะเป็นร้านอาหารที่มีคอนเซ็ปต์เฉพาะตัว, เมนูอาหารที่ไม่เหมือนใคร, หรือมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่ง เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ในการทำธุรกิจร้านอาหารในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในทำเลที่มีค่าเช่าสูงเช่นย่านบรรทัดทอง
อย่างไรก็ตาม ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ สำหรับผู้ประกอบการที่มีวิสัยทัศน์ มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความมุ่งมั่นที่จะ “สู้” อย่างไม่ย่อท้อ ย่านบรรทัดทองก็ยังคงเป็นเวทีแห่งโอกาส ที่รอคอยผู้กล้ามาพิสูจน์ฝีมือ และสร้าง “ตำนาน” ร้านอาหารแห่งใหม่ให้เกิดขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ดราม่า ไกด์หนุ่มถูกฟ้องหมิ่น หลังแฉร้านดังบรรทัดทอง โดนไล่-ด่าหยาบ
- ลูกชิ้นปลาบรรทัดทอง โพสต์แจ้งปิดร้านชั่วคราว เซ่นพิษปลาแพ
- หนุ่มๆเศร้า อาบอบนวดดังย่านพระราม 9 ประกาศเซ้ง ทำเลดี ราคาแค่ 17 ล้าน
ข่าวล่าสุด
