ข่าว

ย้อนแชทสาว 17 “พ่อใหญ่บาสพาเค้ามาโรงแรม ฟ้าวมาเค้าย่าน“ ที่มาศาลสั่งคุกสมรักษ์ 2 ปี 13 เดือน ชดเชย 1.7 แสน

ย้อนแชทหลุด สาว 17 ปี ส่งข้อความหาเพื่อน หลัง “สมรักษ์” พาเข้าโรงแรม ด้านอดีตฮีโร่โอลิมปิก ยัน แค่กอดจูบ ไม่ได้ขืนใจ เชื่อ ถูกแบล็กเมล์ จนล่าสุด ศาลสั่งจำคุก สมรักษ์ 2 ปี 13 เดือน 10 วัน ชดเชย 1.7 แสนบาท

กลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมจับตามองอีกครั้ง หลังจากที่ ศาลพิพากษาจำคุก สมรักษ์ คำสิงห์ 4 ปี 8 เดือน แต่ลดโทษ 2 ปี 13 เดือน คดีเด็ก 17 ปี ย้อนปมคดีก่อนหน้านี้ “น้องฝน” (นามสมมติ) สาววัย 17 ปี ชาวกาฬสินธุ์ เข้าแจ้งความกล่าวหา “บาส” สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก ว่าล่วงละเมิดทางเพศ หลังพบกันในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งที่ จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา

Advertisements

ต่อมา เฟซบุ๊กเพจ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ได้เผยแพร่ข้อความแชท ที่อ้างว่าเป็นของ “น้องฝน” โดยมีข้อความระบุว่า “พ่อใหญ่บาสพาเค้ามาโรงแรม…เค้าย่าน” (“พ่อใหญ่บาส” หมายถึง “สมรักษ์”) ยิ่งโหมกระแสความสงสัย ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้น

จากการเปิดเผยของ “น้องฝน” เธอเล่าว่า คืนเกิดเหตุ ได้ไปสังสรรค์กับเพื่อนที่ร้านอาหาร และพบกับ “สมรักษ์” ที่มากับพนักงานรักษาความปลอดภัย จึงเข้าไปทักทายและขอถ่ายรูป จากนั้น “สมรักษ์” ชวนให้นั่งต่อที่โต๊ะ จนถึงเวลาประมาณ 00.30 น. เธอจึงออกไปรอเพื่อนที่ลานจอดรถ และได้พบกับ “สมรักษ์” อีกครั้ง

จากนั้น หนึ่งในเพื่อนของเธอเกิดอาการเมา และมีเพื่อนผู้ชายอาสาไปส่งที่โรงแรม พนักงานรักษาความปลอดภัยจึงอาสาพาเธอไปส่งที่โรงแรมเช่นกัน โดยมี “สมรักษ์” นั่งซ้อนท้ายไปด้วย ลักษณะซ้อนสาม แต่ปรากฏว่า พนักงานรักษาความปลอดภัย กลับพาเธอไปยังโรงแรมอื่น ก่อนที่ “สมรักษ์” จะพาเธอขึ้นไปบนห้องพักชั้น 2

“น้องฝน” อ้างว่า “สมรักษ์” พยายามกอดจูบ แต่เธอขัดขืน และพยายามโทรหาเพื่อน แต่ “สมรักษ์” ไม่ยอม ก่อนจะจับเธอถอดเสื้อผ้า และใช้อวัยวะเพศถูไถ จนมีสารคัดหลั่งติดอยู่ จากนั้น “สมรักษ์” ได้หยุดการกระทำ เธอจึงรีบให้เพื่อนผู้ชายมารับ และเข้าแจ้งความ โดยตำรวจได้ส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นเพื่อเก็บหลักฐาน

Advertisements
ฟาวมา เค้าย้าน คำที่ใช้เรียกในแชทของสมรักษ์
ภาพจาก : สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว

สมรักษ์ ปฏิเสธข้อกล่าวหา

ด้าน “สมรักษ์” ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา ยืนยันว่า ไม่ได้ข่มขืน เพียงแค่กอดจูบ และเปลือยกายเท่านั้น เมื่อทราบว่า “น้องฝน” อายุเพียง 17 ปี ก็ยุติการกระทำ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า อาจถูกแบล็กเมล์

ขณะที่ ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร ได้ให้ความเห็นทางกฎหมายผ่านเฟซบุ๊กว่า คดีพรากผู้เยาว์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ไม่สามารถยอมความได้ ส่วนความผิดเรื่องอนาจาร ยังสามารถยอมความได้ แต่ต้องรอติดตามข้อเท็จจริงต่อไป

แชท สมรักษ์ กับสาว 17
ภาพจาก : สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว

ด้านคุณตาของ “น้องฝน” เผยว่า หลานสาวเรียนอยู่ชั้น ม.6 และพักอาศัยอยู่กับตาและยาย โดยในวันเกิดเหตุ หลานสาวบอกว่าจะไปสอบและสัมภาษณ์เข้ามหาวิทยาลัยกับเพื่อน

จนกระทั่งเช้า มีตำรวจมาแจ้งว่าหลานสาวเข้าแจ้งความว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งตนรู้สึกเสียใจมาก และต้องการให้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุอย่างถึงที่สุด

ส่วน อ้อย อดีตภรรยาของ “สมรักษ์” ที่เพิ่งหย่าร้างกันไปได้ 2 เดือน กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ยังไม่ได้ดูข่าว และไม่มีอะไรจะพูด ขอให้รอถามจาก “สมรักษ์” เอง เพราะตนสงสารลูก ที่ทั้งสองคนเป็นเด็กดีมาก

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าเก็บหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ทั้งสถานบันเทิงและโรงแรมที่เกิดเหตุ เพื่อใช้เป็นหลักฐาน และเตรียมออกหมายเรียก “สมรักษ์” มาสอบปากคำเพิ่มเติม

สมรักษ์แอบนัดเด็ก 17 ปี
ภาพจาก : สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว

ศาลตัดสินจำคุก 4 ปี 8 เดือน

กระทั่งเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ศาลตัดสิน “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก มีความผิดจริง ในคดีล่วงละเมิดเด็กหญิงวัย 17 ปี โดยพิพากษาจำคุกรวม 4 ปี 8 เดือน แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือโทษจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมสั่งชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติผู้เสียหาย 50,000 บาท และผู้เสียหาย 120,000 บาท รวม 170,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี นับตั้งแต่วันเกิดเหตุ ส่วน “นายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา” น้องคนสนิทที่ขับบิ๊กไบค์พาสาว 17 ไปส่ง ศาลยกฟ้อง

ศาลพิเคราะห์จากหลักฐาน พบว่าคำเบิกความของผู้เสียหายสอดคล้องกับผลชันสูตร ที่พบร่องรอยการกดทับบริเวณเต้านม และรอยแผลมุมปากช่องคลอดด้านล่าง ชี้ชัดว่า “สมรักษ์” พยายามใช้กำลังข่มขืน แต่ไม่สำเร็จเนื่องจากอวัยวะเพศไม่แข็งตัว จึงได้เพียงถูไถภายนอก ขณะที่ผู้เสียหายพยายามดิ้นรนขัดขืน

ส่วนข้อต่อสู้ของ “สมรักษ์” ที่อ้างว่าผู้เสียหายยินยอมนั้น ศาลเห็นว่าขัดแย้งกับพยานหลักฐานและบาดแผล อีกทั้งไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้เสียหายเรียกร้องผลประโยชน์ จึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ได้

หลังฟังคำพิพากษา “สมรักษ์” ยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้ม และกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ต้องสู้ต่อ” สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินต่อไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง : สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button