ข่าว

เปิดโทษ ‘รอลงอาญา’ คืออะไร เท่ากับเราผิดไหม ทำไมไม่ติดคุก

เปิดโทษ ‘รอลงอาญา’ คืออะไร เท่ากับศาลตัดสินว่าเราผิดไหม ทำไมไม่ติดคุก ชี้แจงเงื่อนไข วิธีปฏิบัติตัวระหว่างรอลงอาญา ไม่ให้เกิดปัญหา เสี่ยเข้าตะราง

ในระบบกฎหมายของไทย หนึ่งในประเด็นที่มักถูกพูดถึงแต่ยังมีความเข้าใจผิดอยู่เสมอคือ “โทษรอลงอาญา” เช่น ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี รอลงอาญา 2 ปี หลายคนอาจเคยได้ยินคำนี้ในข่าวหรือในคดีความต่าง ๆ แต่กลับไม่ทราบถึงความหมายที่แท้จริง หรืออาจมองว่าเป็นการ “ปล่อยตัวผู้กระทำผิด” โดยไม่มีผลกระทบใด ๆ บางคนถึงกับเข้าใจไปว่า จะได้มีเวลาอยู่ข้างนอก 2 ปี จากนั้นจะต้องไปรับโทษเข้าคุก 2 ปี

Advertisements

ในความเป็นจริง โทษรอลงอาญามีเงื่อนไขและความสำคัญที่ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูผู้กระทำผิดและลดความแออัดในเรือนจำ

วันนี้ ทีมข่าวพิเศษไทยเกอร์ อธิบายความหมายของโทษรอลงอาญา เงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง และผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน เพื่อให้คุณเข้าใจและมองเห็นบทบาทของโทษประเภทนี้ในระบบกฎหมายได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น

รอลงอาญาคืออะไร?

รอลงอาญา หมายถึง การที่ศาลพิพากษาลงโทษผู้กระทำผิด แต่เลื่อนการบังคับโทษออกไปโดยมีเงื่อนไข เช่น การรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ การบำเพ็ญประโยชน์ หรือการปฏิบัติตามข้อกำหนดอื่น ๆ ที่ศาลเห็นสมควร ภายในระยะเวลาที่กำหนด หากผู้กระทำผิดสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน โทษจะถูกยกเลิก และผู้กระทำผิดจะไม่ต้องรับโทษในเรือนจำ

เช่น นายไก่ ได้รับโทษจำคุก 1 ปี รอลงอาญา 2 ปี ในคดีหมิ่นประมาท ดังนั้นภายใน 2 ปี หลังได้รับคำพิพากษานายไก่ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ห้ามกระทำผิดในแบบเดิมซ้ำอีก หากทำ เท่ากับว่าผิดเงื่อนไข และมีสิทธิได้รับโทษจำคุกแบบต้องเข้าไปในเรือนจำจริงๆ

เป้าหมายของโทษรอลงอาญา

Advertisements

1. ลดการลงโทษในลักษณะการคุมขังในเรือนจำ โดยเฉพาะกรณีที่ผู้กระทำผิดไม่ได้ก่ออันตรายต่อสังคมในระดับสูง

2. ส่งเสริมการปรับปรุงพฤติกรรมของผู้กระทำผิด ให้มีโอกาสกลับตัวและใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ

3. ลดภาระในระบบเรือนจำที่อาจเกิดความแออัดจากจำนวนผู้ต้องขังที่เพิ่มขึ้น

4. สร้างสมดุลระหว่างการลงโทษและการให้โอกาสในการฟื้นฟูผู้กระทำผิด

ความแตกต่างระหว่างโทษจำคุก รอลงอาญากับการปล่อยตัวแบบมีเงื่อนไข

รอลงอาญา เป็นการเลื่อนการบังคับโทษตั้งแต่แรก โดยผู้กระทำผิดยังไม่ได้ถูกคุมขังในเรือนจำ และจะได้รับโอกาสปฏิบัติตามเงื่อนไขเพื่อหลีกเลี่ยงการรับโทษจริง

ขณะที่ การปล่อยตัวแบบมีเงื่อนไข เป็นกรณีที่ผู้กระทำผิดได้ถูกคุมขังในเรือนจำแล้วในระยะเวลาหนึ่ง และได้รับการปล่อยตัวก่อนครบกำหนดโทษ โดยมีเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตาม เช่น รายงานตัวหรือไม่กระทำความผิดซ้ำ

โทษจำคุกรอลงอาญาจึงมีลักษณะเฉพาะที่เน้นการป้องกันและฟื้นฟูมากกว่าการลงโทษในรูปแบบที่ส่งผลกระทบในระยะยาวต่อชีวิตของผู้กระทำผิด ทำให้เป็นกลไกสำคัญในระบบกฎหมายที่ช่วยสร้างความยุติธรรมและความสมดุลในสังคม

หลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโทษรอลงอาญา

กรณีที่สามารถขอรอลงอาญาได้

  1. ความผิดที่ไม่ร้ายแรง – คดีความที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือเป็นคดีที่ไม่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงหรืออาชญากรรมร้ายแรง เช่น การลักทรัพย์ที่มีมูลค่าต่ำหรือการขับรถโดยประมาท
  2. ผู้กระทำผิดครั้งแรก – ศาลมักพิจารณาให้โอกาสแก่ผู้ที่กระทำผิดเป็นครั้งแรกและมีพฤติการณ์ที่บ่งบอกว่าสามารถปรับปรุงตนเองได้
  3. พฤติการณ์ของการกระทำผิด – หากการกระทำผิดเกิดขึ้นด้วยความจำเป็นหรือไม่ได้มีเจตนาอันตรายต่อผู้อื่น ศาลอาจพิจารณาให้รอลงอาญา

ฝั่งศาลจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  • จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน
  • จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน แต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
  • จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน
  • จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน แต่พ้นโทษมาแล้วเกินกว่า 5 ปี นับจนถึงวันกระทำความผิด และการกระทำความผิดในครั้งหลังเป็นการกระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ

นอกจากนี้ ศาลยังคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ อีก 11 ประการ ประกอบการตัดสินใจด้วย ได้แก่

ปัจจัยที่ศาลพิจารณา คำอธิบาย
อายุ อายุของจำเลย
ประวัติ ประวัติการกระทำความผิดในอดีต
ความประพฤติ ความประพฤติทั่วไปของจำเลย
สติปัญญา ระดับสติปัญญาของจำเลย
การศึกษาอบรม ระดับการศึกษาและการอบรมของจำเลย
สุขภาพ สภาพสุขภาพกายและใจของจำเลย
ภาวะแห่งจิต สภาพจิตใจของจำเลยในขณะกระทำความผิด
นิสัย นิสัยใจคอของจำเลย
อาชีพ อาชีพการงานของจำเลย
สิ่งแวดล้อม สภาพแวดล้อมที่จำเลยอาศัยอยู่
สภาพความผิด ลักษณะและความร้ายแรงของความผิดที่จำเลยได้กระทำ

ตัวอย่างคดีที่ศาลมีคำพิพากษารอลงอาญา

คดีขับรถชนคนตาย จำเลยขับรถชนคนตายโดยประมาท แต่ได้พยายามช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ โทรแจ้งรถพยาบาล และเยียวยาครอบครัวผู้เสียหาย ศาลจึงพิจารณารอลงอาญาให้แก่จำเลย

คดีทำร้ายร่างกาย จำเลยทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายผู้อื่น แต่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัว และจำเลยไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน ศาลจึงพิจารณารอลงอาญา

คดีลักทรัพย์ จำเลยลักทรัพย์เป็นครั้งแรก มูลค่าทรัพย์สินไม่มากนัก จำเลยสำนึกผิดและชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายแล้ว ศาลจึงพิจารณารอลงอาญา

บทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ประมวลกฎหมายอาญามีบทบัญญัติสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการรอลงอาญา ดังนี้

  • มาตรา 56 บัญญัติเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในการรอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษ กล่าวคือ ศาลจะรอลงอาญาได้ก็ต่อเมื่อจำเลยมีความผิดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ และเข้าข่ายหลักเกณฑ์ตามที่ระบุในมาตรา 56
  • มาตรา 56 วรรคสอง บัญญัติเกี่ยวกับอำนาจของศาลในการกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลย เช่น การห้ามจำเลยเข้าไปในสถานที่บางแห่ง หรือการกำหนดให้จำเลยไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานเป็นครั้งคราว
  • มาตรา 56 วรรคสาม บัญญัติเกี่ยวกับอำนาจของศาลในการแก้ไข เพิ่มเติม หรือเพิกถอนเงื่อนไขในการคุมความประพฤติของจำเลย
  • การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2559 ได้แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 56 ให้ครอบคลุมถึงการรอลงอาญาสำหรับโทษปรับด้วย ไม่ใช่แค่โทษจำคุกอย่างเดียว

ระยะเวลาการรอลงอาญา

ระยะเวลาการรอลงอาญาจะขึ้นอยู่กับคำพิพากษาของศาล โดยทั่วไปอาจอยู่ในช่วง 1-5 ปี ทั้งนี้ผู้กระทำผิดจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนดตลอดระยะเวลานั้น

เงื่อนไขที่ศาลกำหนด

  1. การรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ – ผู้กระทำผิดต้องรายงานตัวตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น ทุก 3 เดือน หรือ 6 เดือน
  2. การบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม – ศาลอาจกำหนดให้ผู้กระทำผิดทำงานเพื่อสังคมในระยะเวลาที่กำหนด เช่น การช่วยงานในชุมชนหรือองค์กรการกุศล
  3. การห้ามกระทำความผิดซ้ำ – หากผู้กระทำผิดกระทำผิดซ้ำในช่วงระยะเวลารอลงอาญา ศาลอาจพิจารณาให้บังคับใช้โทษที่รอไว้อย่างทันที
  4. เงื่อนไขเพิ่มเติมอื่น ๆ – เช่น การเข้ารับการบำบัดอาการติดยาเสพติด การเข้ารับการอบรม หรือการห้ามเข้าใกล้บุคคลหรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับความผิดเดิม

เงื่อนไขเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้กระทำผิดได้ปรับตัวในเชิงสร้างสรรค์ ลดโอกาสการกระทำผิดซ้ำ และส่งเสริมการกลับคืนสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ

สิทธิและหน้าที่ของผู้ได้รับโทษรอลงอาญา

สิ่งที่ผู้กระทำผิดต้องปฏิบัติระหว่างระยะเวลารอลงอาญา

  1. รายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ – ผู้กระทำผิดต้องปฏิบัติตามกำหนดการรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความประพฤติและพฤติกรรมในช่วงระยะเวลารอลงอาญา
  2. ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด – เช่น การเข้ารับการบำบัด การบำเพ็ญประโยชน์ หรือการเข้าร่วมโครงการอบรมที่เกี่ยวข้อง
  3. หลีกเลี่ยงการกระทำผิดซ้ำ – ผู้กระทำผิดต้องรักษาความประพฤติและหลีกเลี่ยงการกระทำผิดใด ๆ ที่อาจนำไปสู่การบังคับใช้โทษที่รอไว้

สิทธิที่ยังคงอยู่

  • ผู้กระทำผิดที่ได้รับโทษรอลงอาญาจะยังคงมีสิทธิในการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การทำงาน การศึกษา หรือการอยู่ร่วมกับครอบครัว โดยไม่ถูกคุมขังในเรือนจำ
  • สิทธิในการขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย หากมีข้อสงสัยหรือประสบปัญหาในระหว่างการรอลงอาญา

ผลกระทบหากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด

  • หากผู้กระทำผิดไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข เช่น ไม่รายงานตัว ไม่บำเพ็ญประโยชน์ หรือกระทำความผิดซ้ำ ศาลสามารถพิจารณาให้บังคับใช้โทษที่รอไว้ทันที
  • การละเมิดเงื่อนไขอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และโอกาสในชีวิต เช่น การถูกจำคุกและการสูญเสียความไว้วางใจจากสังคม

ผลของการปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน

หากจำเลยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนดครบถ้วนตามระยะเวลาที่กำหนด จำเลยจะพ้นจากการถูกกำหนดโทษหรือถูกลงโทษในคดีนั้

ดังนั้น การรอลงอาญาเป็นมาตรการที่สำคัญในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้โอกาสจำเลยในการกลับตัวเป็นพลเมืองดี ลดปัญหาการแออัดในเรือนจำ ส่งเสริมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้กระทำผิด เมื่อได้รับโอกาสแล้ว จำเลยควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองเสียใหม่ เพื่อไม่ให้กระทำความผิดซ้ำอีก ไม่ว่าโดยจงใจหรือไม่ก็ตาม

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button