อ.เจษฎา แฉ รักษาแมงกินฟันพิสดาร ซ่อนหนอนในสำลี แนะวิธีป้องกันฟันผุ
อ.เจษฎ์ เตือน คลิปรักษาแมงกินฟัน อ้างภูมิปัญญาชาวบ้าน ซ่อนหนอนในสำลี ย้ำ ฟันผุเกิดจากแบคทีเรีย ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม แนะวิธีแปรงฟันที่ถูกต้อง
“อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์” อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกโรงเตือนภัย กรณีที่มีคนแชร์คลิปการรักษาแมงกินฟันสุดพิสดาร เผยกลลวงซ่อนหนอนในสำลี อ้างเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน เป็นข่าวปลอมอย่างแชร์ พร้อมย้ำชัดฟันผุเกิดจากแบคทีเรียไม่ใช่แมลง
โดย อ.เจษฎ์ ได้อธิบายว่า คลิปการรักษาแมงกินฟันที่อ้างว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่งคนรักษาจะนำสำลีชุบน้ำสมุนไพรมาแปะที่ข้างแก้มตรงกับบริเวณที่ปวดฟัน ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นจะมี ‘แมงกินฟัน’ ลักษณะคล้ายตัวหนอนออกมากระดืบออกมาจากบริเวณข้างแก้ม ซึ่งเป็นการหลอกให้คนเข้าใจผิด ด้วยการซ่อนหนอนไว้ใต้สำลีที่นำมาแปะ แท้จริงแล้วไม่มีหนอน หรือ แมงกินฟัน ออกจากฟันที่ปวดทะลุแก้มและคลานออกมาเช่นนี้
ก่อนหน้านี้ อ.เจษฎ์ ยังเคยออกมาเตือนการรักษาฟันแบบผิด ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกัน โดยการใช้กะลาครอบแล้วรมควัน อ้างว่าเอาแมงกินฟันออกมา ซึ่งทริกที่ใช้ คือ ผู้ที่มารักษาอมปลายท่อของอุปกรณ์ที่ครอบ ทำจากไม้กะลา จากนั้นจะให้อมควันไฟไว้เข้าไป และมีหนอนออกมา แท้จริงแล้วเป็นการซ่อนหนอนไว้ในไม้ เมื่อหนอนโดนควันก็จะหนีออกมา ซึ่งไม่ใช่มีแมงกินฟันแต่อย่างไร
อ.เจษฎา ย้ำว่า อาการปวดฟันที่มาจากฟันผุนั้น เกิดจากเชื้อจุลินทรีย์และแบคทีเรียที่ย่อยน้ำตาลจากเศษอาหารในซอกฟัน จนสร้างกรดที่ย่อยเคลือบฟันจนเกิดเป็นรู ไม่ใช่แมลงหรือหนอนอย่างที่เข้าใจผิดกัน
ทั้งนี้ การรักษาแมงกินฟันที่อ้างว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการสำลีชุบน้ำสมุนไพร หรือ การใช้กะลาครอบแล้วรมควันล้วนแล้วแต่เป็นข่าวเท็จทั้งสิ้น เป็นการหลอกให้เชื่อ และเสียโอกาสในการรักษาทางทันตกรรม อ.เจษฎา ยังแนะนำว่า หากมีการเก็บเงินค่ารักษาด้วย อาจเข้าข่ายหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนได้ อีกทั้งเป็นการแอบอ้างตัวเป็นหมอเพื่อรักษาคนอีกด้วย
ไขข้อสงสัย ฟันพุเกิดจากอะไร ป้องกันได้ที่ต้นเหตุ
ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ได้ออกมาให้ความรู้เพิ่มเติมว่า อาการฟันผุเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไม่ใช่แมงกินฟันอย่างที่หโลายคนเข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก ๆ ที่ชอบกินของหวานหรือน้ำตาลและไม่แปรงฟันให้สะอาด ส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียที่อยู่บนแผ่นคราบฟันเกิดกระบวนการย่อยสลายเศษอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลให้กลายเป็นกรดแลคติก ที่มีฤทธิ์ในการสลายแร่ธาตุ จนทำให้ฟันผุกร่อนไปทีละน้อยจากชั้นเคลือบฟันภายนอกเข้าไปในเนื้อฟัน และทะลุถึงชั้นโพรงประสาทฟัน และเกิดอาการปวดฟัน หรือฟันอักเสบเป็นหนอง ซึ่งเป็นกระบวนการแรกของโรคฟันผุ
สำหรับววิธีการรักษาฟันที่ถูกต้องและปลอดภัย ควรพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6-12 เดือน หากพบว่ามีอาการฟันผุตั้งแต่ระยะแรก ๆ ก่อนที่จะลุกลามมากขึ้น นอกจากนี้การตรวจช่องปาก ขูดหินปูน และทำความสะอาดฟัน ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะช่วยลดโอกาสการเกิดฟันผุและโรคอื่น ๆ
หากต้องการดูแลฟันให้ดีตั้งแต่ขั้นตอนแรกควรเริ่มจากการ ‘แปรงฟันให้ถูกวิธี’ โดยแปรงวันละ 2 ครั้ง ได้แก่ ตอนเช้าและก่อนนอน ทั้งนี้ หากเป็นไปได้ควรแปรงทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร และหลังอาหารมื้อเที่ยง
ข้อมูลจาก : ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อ.เจษฎา เฉลยแล้ว เทเนยใส อ้างรักษาดวงตา เสี่ยงอันตราย ไม่ควรทำ
- อ.เจษฎา เตือน เครื่องทำน้ำอุ่นแบบพกพา เสี่ยงไฟดูดดับ แนะวิธีใช้ปลอดภัย
- อ.เจษฎ์ เบรก โนโรไวรัส ไม่ใช่โรคใหม่ สื่ออย่าหาปั่นข่าวโอเวอร์ ทำคนแตกตื่น