หมอใหญ่ รองผอ.รพ. ยังไม่รอด แก๊งคอลฯ หลอกโอนเงิน 1.5 ล้าน ทำเป็นขบวนการมืออาชีพ
ผู้สื่อข่าวรายงาน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้กลโกงแบบใหม่ หลอกลวงคุณหมอระดับรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ สูญเงินกว่า 1.5 ล้านบาท เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
คนร้ายได้โทรศัพท์หาคุณหมอ แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทโทรศัพท์ที่เชียงใหม่ แจ้งว่าเบอร์โทรศัพท์ของคุณหมอพัวพันกับคดีฟอกเงิน หากไม่ได้รู้เห็นให้แจ้งความที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ ภายในเวลาที่กำหนด แต่ถ้าหากไปไม่ได้ ให้เพิ่มเพื่อนทางไลน์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่
จากนั้นก็หลอกให้คุณหมอเพิ่มเพื่อนทางไลน์ โดยปลอมตัวเป็นตำรวจ ก่อนจะวิดีโอคอลหาคุณหมอ พร้อมแต่งกายชุดตำรวจเต็มยศ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
แก๊งมิจฉาชีพได้ใช้ “หมายศาลปลอม” หลอกคุณหมอว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน ทำให้คุณหมอตกใจกลัว จนหลงเชื่อคนร้ายที่บอกให้โอนเงินในบัญชีของคุณหมอและครอบครัวไปตรวจสอบ โดยอ้างว่าจะคืนเงินให้ในตอนเย็น
คุณหมอหลงเชื่อโอนเงินไปกว่า 10 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท แถมยังให้คุณพ่อโอนเงินไปให้อีก 5 ครั้ง รวมความเสียหายกว่า 1.5 ล้านบาท! แต่เมื่อถึงเวลา คนร้ายก็ไม่ยอมคืนเงิน แถมยังพยายามหลอกให้โอนเงินเพิ่มอีก คุณหมอจึงรู้ตัวว่าถูกหลอก และรีบเข้าแจ้งความกับตำรวจทันที
ล่าสุด ตำรวจไซเบอร์ (บช.สอท.) กำลังเร่งติดตามตัวคนร้าย ซึ่งคาดว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีสมาชิกไม่ต่ำกว่า 5 คน โดยเตรียมขอศาลออกหมายจับในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกง ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว นำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเปิดบัญชีม้า เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจย้ำเตือนว่า อย่าหลงเชื่อบุคคลที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ และโทรมาแจ้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีต่างๆ เด็ดขาด หากมีข้อสงสัย ให้ติดต่อสอบถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพ
รูปแบบการหลอกลวงที่คล้ายคลึงกันนี้ เคยเกิดขึ้นกับ ชาล็อต ออสติน อดีตรองอันดับ 5 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 โดยคนร้ายได้ใช้กลอุบายหลอกลวงให้วิดีโอคอล อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับคดีฟอกเงิน ก่อนจะหลอกให้โอนเงินไปกว่า 4 ล้านบาท บังคับให้เปิดวิดีโอคอลตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อควบคุมไม่ให้ติดต่อกับบุคคลภายนอก ซึ่งถือเป็นพฤติการณ์ที่อุกอาจ และสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก
คดีของชาล็อต ตำรวจจับกุมตัวบัญชีม้าได้แล้ว ที่บ้านหนองไผ่ล้อม ต.หนองบัวใหญ่ อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ แจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจ ด้วยการขู่เข็ญ นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากฯ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ยังไงแน่ สอบสวนกลาง ยันสายปริศนาโทรหาชาล็อต หลังจบโหนกระแส เป็นจนท.จริง
- กัมพูชาเถื่อน สั่งขังคุก ‘นักข่าว’ หลังตีแผ่ ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ ในประเทศ
- เจอตัวแล้ว สาวประกาศหาน้องชาย ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขู่เรียกค่าไถ่ 5 แสน