ภาพโครงกระดูกหมอกฤตไท โซเชียลถาม เป็นอาจารย์ใหญ่ ไม่ยินยอมให้ถ่ายรูปได้ไหม
เปิดข้อถกเถียง ปม ‘หมอกฤตไท’ บริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่ ถูกถ่ายภาพโครงกระดูกลงโซเชียล ชาวเน็ตถามหาความเหมาะสม คอมเมนต์แจงแล้ว กฎหมายไม่ครอบคลุมคนตาย ทำแบบนี้ผิดจริงไหม?
จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพโครงกระดูกอาจารย์ใหญ่ที่มีป้ายระบุชื่อ นพ. กฤตไท ธนสมบุติกุล โดยระบุแคปชันอธิบายว่าโครงกระดูกในภาพเป็นของ ‘หมอกฤตไท’ เจ้าของเพจ สู้ดิวะ และอาจารย์แพทย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดจากฝุ่น PM 2.5 ก่อนที่จะจากไปในวัย 29 ปี เมื่อช่วงเดือนธันวาคม ปี 2566
เจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวได้แจ้งว่า หมอกฤตไทเลือทกี่จะบริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่ เพื่อเป็นประโยชน์แก่วงการแพทย์ต่อไป ผู้ใช้โวเชียลหลายคน จึงเข้ามาคอมเมนต์กล่าวชื่นชม และขอบคุณนายแพทย์ท่านนี้ ที่แม้จะหลับสนิทไปตลอดกาลแล้ว แต่ยังคงสร้างคุณงามความดีให้คงอยู่ไว้สืบไป
ต่อมาได้มีผู้นำรูปโครงกระดูกของหมอกฤตไทมาเผยแพร่ต่อในช่องทางต่าง ๆ เพื่อระลึกถึงความดีของคุณหมอ และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่สามารถพรากชีวิตคนที่มีอนาคตสดใสไปอย่างไม่มีวันกลับ ทว่าได้เกิดกระแสดราม่าขึ้นใน X (ทวิตเตอร์) เมื่อมีผู้ใช้รายหนึ่งตั้งคำถามว่า “เราสามารถ consent (ยินยอม) เป็นอาจารย์ใหญ่ โดยไม่อนุญาตให้เผยแพร่บน social media ได้ไหมคะ” โดยโพสต์นั้นได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก มียอดเข้าชมถึง 4.7 ล้านครั้ง พร้อมคอมเมนต์มากมายที่ถาโถมเข้ามา ซึ่งมีทั้งฝั่งที่เห็นด้วย และฝั่งที่คิดต่างกันออกไป
อย่างไรก็ตาม คอเมมนต์ที่ส่วนใหญ่ซึ่งมาจากนักศึกษาและบุคลากรทางการแพทย์ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โดยปกติจะไม่มีการนำภาพร่างกายหรือกระดูกของอาจารย์ใหญ่มาเผยแพร่อยู่แล้ว บางที่เคร่งครัดกระทั่งไม่ให้ถ่ายภาพเก็บไว้ เว้นแต่จะใช้เพื่อทบทวนบทเรียนด้วย จึงอยากให้คนที่คิดจะบบริจาคร่างกายเกิดความสบายใจในกรณีดังกล่าว
ส่วนอีกฝั่งหนึ่งช่วยอธิบายว่าผู้ที่โพสต์ภาพโครงกระดูกหมอกฤตไท น่าจะเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับครอบครัว เนื่องจากมีการเล่าถึงประวัติของคุณพ่อ ทั้งยังโพสต์ภาพที่ครอบครัวหมอกฤตไทยืนยิ้มข้างโครงกระดูกนี้ด้วย จึงน่าจะได้รับการยินยอมจากบุคคลใกล้ชิดแล้ว หากจะนำมาเผยแพร่ต่อเพื่อชื่นชมความดีของหมอจึงไม่น่าใช่เรื่องผิด อีกทั้งระหว่างที่หมอกฤตไททำเพจสู้ดิวะ ยังได้ออกมาบอกเล่าอาการป่วยของตนเองเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ติดตามเป็นประจำด้วย หลายคนจึงมองว่าคุณหมอน่าจะดีใจที่ร่างกายของตนเองได้ใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ตามวัตถุประสงค์
ขณะที่คอมเมนต์อีกจำนวนหนึ่งยังถกเถียงกันต่อ ว่าโรงพยาบาลควรออกกฎให้ชัดเจน ถึงความเหมาะสมในการเผยแพร่ชิ้นส่วนของอาจารย์ใหญ่ และแน่นอนว่ากฎหมาย PDPA คงไม่ได้ควบคุมไปถถึงบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว แต่ในเส้นกั้นระหว่างจรรยาบรรณแพทย์ ก็ยังเป็นเรื่องที่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าหากเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือเป็นที่รู้จักในสังคม จะสามารถนำภาพมาเผยแพร่เช่นนี้ได้หรือไม่ หากไม่ได้สอบถามความยินยอมจากเจ้าตัวก่อนเสียชีวิต
ทั้งนี้ จากการสืบค้นข้อมูลบนเว็บไซต์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่าได้ระบุเพียงระเบียบการบริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่ พร้อมวัตถุประสงค์ในการใช้ร่างไว้ ตามรายละเอียดดังนี้
1. ต้องมีอายุระหว่าง 20–80 ปี (กรณีที่ผู้อุทิศร่างกายมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเกณฑ์นี้ ให้ขึ้นกับดุลพินิจของภาควิชา)
2. ต้องไม่เป็นผู้พิการทางร่างกาย จนไม่เหมาะสมแก่การศึกษา เช่น ขา แขนขาด หรือ พิการแต่กำเนิดทำให้ร่างกายผิดรูป
3. ไม่รับศพอุทิศร่างกายที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง หรือ ติดเชื้อรุนแรง หรือ ศพที่เกี่ยวกับคดีและอุบัติเหตุ ทั้งนี้ขึ้นกับดุลยพินิจของภาควิชา
การบริจาคร่างกายแบ่งตามวัตถุประสงค์ได้ 2 แบบ คือ เพื่อให้นักศึกษาและแพทย์ชำแหละ เพื่อศึกษาลักษณะทางกายวิภาคศาสตร์และทำการวิจัย หรือเพื่อสนับสนุนด้านการเรียนการสอน การศึกษา ความร่วมมือระหว่างสถาบันแพทย์ สถาบันอื่น ๆ ภายในประเทศ และแบบที่ 2 เพื่อทำโครงกระดูกไว้ศึกษา หรือสนับสนุนด้านการเรียนการสอน การศึกษา ความร่วมมือระหว่างสถาบันแพทย์ สถาบันอื่น ๆ ภายในประเทศ (ในกรณีนี้ ต้องมีอายุน้อยกว่า 55 ปี ในวันที่ถึงแก่กรรม หรือขึ้นกับดุลยพินิจของภาควิชา)
จึงจะเห็นได้ว่าไม่มีการประกาศกฎที่ชัดเจนว่าหากร่างและกระดูกของอาจารย์ใหญ่ ถูกนำไปใช้ตามประโยชน์ทางการศึกษาแล้ว จะได้รับการปกป้องความเป็นส่วนตัวอย่างไรบ้าง นี่จึงอาจเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้กรณีโครงกระดูกของหมอกฤตไท ทำให้หลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย ถึงความเหมาะสมในการถ่ายรูปอาจารย์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม.
ภาพจาก : Facebook Attavit Panyapinyophol
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดภาพโครงกระดูก หมอกฤตไท บริจาคร่างเป็นอาจารย์ใหญ่ ความดียังประจักษ์
- ‘หมอแล็บแพนด้า’ เปิดภาพปอด ‘หมอกฤตไท’ ถามถึงเวลาแก้ PM 2.5 จริงจังหรือยัง?
- ‘เศรษฐา’ แสดงความเสียใจกับครอบครัว ‘หมอกฤตไท’ ย้ำตระหนักถึงปัญหา PM