CEO เฉลยเอง ตอบคำถามแบบนี้วันสัมภาษณ์ ถูกคัดทิ้งทันที
เทคนิคการสัมภาษณ์งาน จากปาก CEO ที่เป็นคนเผยเองว่าหากตอบคำถามแบบนี้ ถูกตัดชื่อทิ้งแบบจะทันที พร้อมบอกทริคที่ทำให้คุณไม่ตกม้าตาย
การหางานในยุคนี้มันยากมากๆ บางทีเจองานในฝัน หรืองานที่คิดว่าตัวเองทำได้สบายๆ แต่สุดท้ายก็ต้องนั่งรอจนเหงื่อแห้ง ไม่ก็โดนปฏิเสธหลังจากผ่านไปหลายเดือน แต่พอถึงตอนที่เราคิดว่าเราสัมภาษณ์ได้แจ่มมาก มันฟินจนบรรยายไม่ถูกเลยล่ะ
คุณอาจจะนอนตาหลับตานอน มั่นใจว่าต้องได้รับข่าวดีแน่ๆ แต่นั่นก็แค่ถ้าคุณไม่ได้ตอบคำถามยอดฮิตที่ทุกบริษัทต้องถามด้วยคำตอบแบบนี้
หรืออย่างน้อยก็ตามความเห็นของแกรี่ ชาพิโร (Gary Shapiro) ซีอีโอของสมาคมการค้าเทคโนโลยีผู้บริโภคแห่งสหรัฐ (Consumer Technology Association) ที่เพิ่งไปให้สัมภาษณ์ CNBC เรื่องพฤติกรรมน่าระวังของผู้สมัครงาน โดยเฉพาะสิ่งที่เขามองว่าเป็น “Red Flags” หรือสัญญาณอันตรายตอนสัมภาษณ์คนที่อาจจะได้เข้ามาร่วมงาน
ปกติแล้วนายจ้างชอบถามว่า “เริ่มงานได้เมื่อไหร่?” ซึ่งแล้วแต่สถานการณ์ของคุณ บางคนอาจตอบว่า “พร้อมเริ่มได้เลย” หรือถ้าคุณกำลังจะย้ายงาน ก็อาจบอกว่าขอเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์
แต่ถ้าคุณตอบแบบหลัง ตามความเห็นของชาพิโรแล้ว นั่นจะทำให้คุณถูกโยนเข้ากองใบสมัครที่ถูกปฏิเสธทันที
เขาให้สัมภาษณ์ว่า “ผมจะไม่รับคนแบบนี้เข้าทำงาน เพราะสักวันหนึ่งเขาก็จะทำกับเราแบบเดียวกับที่ทำกับที่ทำงานเก่า”
“ผมอยากได้พนักงานที่มีความรับผิดชอบต่อองค์กร ต่อให้เขาไม่ได้รักงานนั้นมากแค่ไหนก็ตาม แต่จะไม่ทิ้งนายจ้างให้เดือดร้อน”
ชาพิโรบอกว่า “วิธีลาออก” นั้นสำคัญมาก และเรื่องการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีตอนลาออกนี่ เขาก็ใช้หลักการเดียวกันกับพนักงานของเขาที่จะย้ายไปทำงานที่อื่นด้วย
และไม่ว่าจะสมัครตำแหน่งเล็กหรือใหญ่แค่ไหน ทุกคนต้องเจอคำถามนี้เหมือนกันหมด เขายังเล่าด้วยว่าครั้งหนึ่งเคยถามคำถามนี้กับคนที่ภายหลังได้ขึ้นเป็นซีโอโอของบริษัท และผลลัพธ์ก็ออกมาดีสุดๆ
ชาพิโรบอกว่าเขาประทับใจมากที่เธอขอเวลาถึงหกสัปดาห์เพื่อส่งมอบงานเก่าให้เรียบร้อย ซึ่งเขาเลยตอบไปสั้นๆ ว่า “เยี่ยมมาก รับคุณเข้าทำงานแล้ว”
อย่างไรก็ตาม ชาพิโรไม่ใช่คนเดียวที่มีคำถามโปรดในการสัมภาษณ์งาน เพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งเปิดเผยว่าเธอมีคำถามที่ทำให้เธอได้รับข้อเสนองานทุกครั้งที่ใช้
ดังนั้น คราวหน้าที่คุณไปสัมภาษณ์งาน อย่าลืมสังเกตคำถามเหล่านี้ที่ผู้สัมภาษณ์อาจใช้เพื่อประเมินตัวคุณ
ขอให้โชคดี
อ้างอิง : www.unilad.com
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง