ไขข้องใจ ทำไมทนายพัชต้องโทษจำคุก-ไม่ให้ “แอม” ขึ้นเบิกความพยาน
ทนายเกิดผล แก้วเกิด เผยบทวิเคราะห์ร่วมอัยการศาลอาญา ทำไม “ทนายพัช” ไม่ให้แอมขึ้นเบิกความในฐานะพยาน จนตัวเองต้องโทษจำคุก 2 ปี
จากกรณีศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”, พ.ต.ท.วิฑูรย์ อดีตสามี จำคุก 1 ปี 4 เดือน และน.ส.ธันย์นิชา หรือ ทนายพัช จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา และชดใช้ผู้เสียหาย 2.4 ล้านบาท ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทำไมตัวทนายพัชถึงต้องโทษจำคุก ทั้งที่ปกติการเป็นทนายว่าความให้จำเลยนั้นมีความผิด แม้จะแพ้คดีก็ตาม และทำไมแอมถึงไม่ขึ้นเบิกความในฐานะพยานในฐานความผิดของตัวทนายเอง
เริ่มต้นในประเด็นแรก ในคำพิพากษาคดีแอมนั้นระบุว่า ตัวทนายพัชที่เป็นจำเลยที่ 3 ในคดีไซยาไนด์มีพฤติกรรมยุยงให้ลูกความ (แอม) นำทรัพย์สินของ “ก้อย” (ผู้ตาย) ไปให้ผู้มีชื่อ เพื่อซ้อนเร้น ทำให้สูญหาย และปกปิดกระเป๋าของกลางเพื่อเป็นแนวทางในการชนะคดี จึงถึอว่าตัวทนายมีความผิดฐาน ช่วยเหลือแอม มิต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง-ซ่อนเร้นทำลายหลักฐาน จนต้องโทษข้างต้น
ส่วนข้อสงสัยว่าทำไมทนายพัชถึงไม่ให้ยอมให้จำเลย (แอม) ขึ้นเบิกความในคดีข้างต้นนั้น ทนายเกิดผล แก้วเกิด ได้โพสต์บทวิเคราะห์ในเคสดังกล่าวกับอัยการศาลอาญาซึ่งระบุว่า
“เหตุที่ ทนายของแอม ไซยาไนด์ ไม่ยอมให้แอม ขึ้นเบิกความในฐานะพยาน เนื่องจากตัวทนายเองก็ถูกฟ้องเป็นจำเลย ด้วยเหมือนกัน เชื่อว่า ทนายความคงกังวลว่า หากปล่อยให้แอม ขึ้นเบิกความ อาจจะถูกอัยการถามค้านแล้วหลุดปาก เปิดเผย หรือซัดทอด ว่า ทนายความเป็นคนแนะนำให้ ทำลาย พยานหลักฐานในคดี ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อตัวทนายเอง”
จึงสรุปได้ว่าหากแอมไม่ต้องเบิกความนั้น ก็จะไม่ต้องตอบถามอัยการที่อาจเป็นการซัดทอดถึงตัวทนายพัชว่าตนเป็นคนยุยง-ปลุกปั่นให้ลูกความทำลายหลักฐานตามฐานความผิดในคำพิพากษาของประเด็นที่ 1 นั่นเอง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง