จตุพร มั่นใจ 22 พ.ย. ทักษิณ-พท. หนาวแน่ ศาลรับคำร้องล้มล้างการปกครอง
จตุพร มั่นใจ 22 พ.ย. ทักษิณ และ พรรคเพื่อไทย เตรียมหนาวแน่ ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องล้มล้างการปกครอง กระตุก ออส. อย่าเงียบ รีบแถลง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กแสดงความเห็นมั่นใจว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะรับคำร้องล้มล้างการปกครอง ที่ร้องเอาผิดพรรคเพื่อไทย และ นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
โดยนายจตุพร ระบุว่า “สถานการณ์ 22 พ.ย. ไม่แปรปรวน มั่นใจศาล รธน.รับคำร้องแน่ ข่มทักษิณ-เพื่อไทยจะหนาวสั่น กระตุก อสส. อย่าเงียบ รีบแถลงข่าวปล่อยประโคมนำร่องเป็นจริงหรือไม่ ระบุทำเฉยส่อพฤติกรรมไม่สุจริต หวังร่วมมือปลุกกระแสกดดันและสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมือง เตือน ครม.คิดให้ดีตั้ง “กิตติรัตน์” ระวังถูกคนชั้นใหญ่ออกโรงลุยฟ้องระนาวแน่
เมื่อ 20 พ.ย. 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ โดยเชื่อว่า เมื่อศาล รธน.พิจารณารับคำร้อง 6 ประเด็นของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ไว้วินิฉัยในวันที่ 22 พ.ย.นี้ จะเป็นสถานการณ์ก่อความหนาวสั่นฉับพลันให้กับผู้ถูกร้อง คือ ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย
อีกทั้งเรียกร้องให้สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) แถลงเป็นทางการ ก่อน ศาล รธน.จะวินิจฉัยในวันที่ 22 พ.ย. นี้ กรณีสื่อรายงานข่าวโดยอ้างแหล่งข่าวถึง 2 ครั้งติดต่อกัน โดยครั้งแรกระบุให้ยุติคำร้อง และครั้งที่สองมีความเห็นคำร้องไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ดังนั้น อสส. ไม่ควรเงียบ ต้องชี้แจงให้กระจ่างในวันที่ 21 พ.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม อสส.ควรเน้นด้วยว่า การสอบสวนเพิ่มเติมนั้น ปฎิบัติไปตาม ศาล รธน.ให้รายงานความเห็นการพิจารณาครั้งแรกที่อยู่ภายในอำนาจ 15 วัน ซึ่ง อสส. ไม่ดำเนินการ ดังนั้น การรายงานสอบสวนคำร้องภายหลังในเวลา 15 วัน จึงเป็นเพียงความเห็นของ อสส. ที่ส่งไปถึง ศาล รธน.เท่านั้น
นายจตุพร กล่าวว่า รายงานความเห็นของ อสส. ยังขาดความสมบูรณ์ เพราะผู้ร้องกับผู้ถูกร้องมาให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน โดยผู้ร้องนายธีรยุทธและผู้ถูกร้องในส่วนพรรคเพื่อไทย มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่ทักษิณ ผู้ถูกร้อง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญตามข้อกล่าวหา 6 ประเด็น ไม่มาให้ข้อมูล ดังนั้น การอธิบายความจากสื่อที่อ้างแหล่งข่าว อสส. จึงทำให้เกิดความคลุมเครือและเป็นความเห็นลอยๆ
“ผมหวังว่า อสส.จะวินิจฉัยอย่างไร ควรแถลงให้เป็นทางการ จะได้บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ เพราะการปล่อยข่าวลือเต็มไปหมดนั้น อสส.ต้องอธิบายหลักการ หลักคิดอย่างเป็นทางการให้รับรู้ว่า ตรงกับที่ข่าวลือรายงานออกไปสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองจึงไม่เกิดผลดีใดๆ และยังไม่ตรงกับอำนาจหน้าที่ของ อสส.ด้วย เพราะศาล รธน.สอบถามว่า ทำไมไม่ดำเนินการหรือมีคำสั่งต่อคำร้อง จนผู้ร้องใช้สิทธิมายื่นร้องโดยตรงต่อศาล รธน. สิ่งสำคัญการปล่อยข่าวอ้าง อสส.จึงเป็นการกระทำที่ไม่สุจริต”
นายจตุพร กล่าวว่า แรงกระเพื่อมทางการเมืองขณะนี้ มาจากจุดประสงค์การปล่อยข่าวซ้ำถึง 2 สถานการณ์ คือ การอ้างแหล่งข่าวจาก อสส. ซึ่งเกี่ยวพันกับศาล รธน.จะพิจารณารับคำร้องของนายธีรยุทธ หรือไม่ ในวันที่ 22 พ.ย.นี้ ส่วนทักษิณให้ข่าวซ้ำว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะกลับไทยก่อนสงกรานต์ ปี 68 ซึ่งเป็นข่าวที่เคยพูดมาแล้วเมื่อช่วงสงกรานต์ เชียงใหม่ ปี 67
“ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ นิเคอิ สำนักข่าวญี่ปุ่น ถึงยิ่งลักษณ์ จะกลับไทยก่อนสงกรานต์ปี 68 จึงเกิดแรงประโคมสถานการณ์ขึ้นใหม่ ทั้งที่สถานการณ์หลักอยู่ที่ศาล รธน.พิจารณารับหรือไม่รับคำร้องในวันที่ 22 พ.ย. นี้ ซึ่งผมเชื่อว่าศาลจะรับคำร้องไว้พิจารณา”
พร้อมทั้งกล่าวว่า การจะอยู่หรือไปของทักษิณและรัฐบาลเพื่อไทย ไม่ได้มาจาก ศาล รธน.อย่างเดียว แต่ยังมีคำร้องอีกมาก โดยจะมีการยื่นต่อศาลฎีกาแผนกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า ทักษิณ ไม่เคยรับโทษจริงสักวันเดียว ดังนั้น ต้องกลับไปติดคุกรับโทษจริงตามคำพิพากษาของศาลฎีกาให้จำคุก 8 ปี แล้วมีพระบรมราชโองการลดโทษให้เหลือ 1 ปี
นอกจากนี้ ยังมีคำร้องกรณีนำที่ดินธรณีสงฆ์ทำสนามกอล์ฟอัลไพน์ ซึ่งอยู่ระหว่างรอให้ศาล รธน.ขยับวินิจฉัยคำร้องการล้มล้างการปกครองก่อน ที่สำคัญยังมีกรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ไต่สวนไว้พร้อมแล้ว รวมทั้งเรื่องการครอบงำพรรคการเมือง มีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นแม่งานสอบสวนรอดำเนินการ ดังนัน แต่ละเรื่องจึงพร้อมจะเดินหน้าอย่างรวดเร็ว
“การมีจุดยืนไม่ซื่อตรงกับประชาชนไปไม่รอดหรอก อาจจะเห็นความแข็งแรงอยู่บ้าง แต่ระยะยาวจะมีอะไรมาทำให้มั่นใจว่าแข็งแรง ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยตามคำอ้างของฝ่ายเชียร์ทักษิณแล้ว ทักษิณขอไปต่างประเทศ ศาลคงให้ไปแล้ว หรือยิ่งลักษณ์จะกลับไทยคงมาได้ตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสินแล้ว ซึ่งมีอะไรไม่มั่นใจ ทำไมไม่กลับมา”
ส่วนเรื่องตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาตินั้น นายจตุพร กล่าวว่า การประชุม ครม.ที่ผ่านมา แบงก์ชาติไม่ส่งชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ผ่านการสรรหา ให้ รมว.คลังนำเสนอ ครม. ดังนั้น การประชุม ครม.วันที่ 26 พ.ย. นี้ อาจจะถูกเสนอชื่อเจ้า ครม. สิ่งสำคัญพรรคร่วมรัฐบาลถ้ามีมติให้ตั้งนายกิตติรัตน์แล้ว คนระดับใหญ่จะออกโรงลุยฟ้อง รมต.กันระนาวแน่
“จึงเตือนให้คิดกันดีๆ โดยดูกรณีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี พ้นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไว้เป็นตัวอย่าง แม้เป็นเรื่องบุคคลก็ตาม แต่กรณีแบงก์ชาติจะกลายเป็นชนวนน้ำผึ้งหยดเดียว ดังนั้น ถ้านายกิตติรัตน์ ผ่าน ครม.วันไหน โดนคดีชุดใหญ่เลย จะบอกให้”
นายจตุพร กล่าวว่า กันยายน 68 ผู้ว่าแบงก์ชาติคนปัจจุบันจะครบวาระ ดังนั้น การสรรหาคนใหม่มารับตำแหน่งจะทำให้ประธานบอร์ดแบงก์ชาติมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ เหตุนี้การพิจารณาตั้งประธานบอร์ดแบงก์ให้ปลอดการเมืองแทรกแซงย่อมทำให้แบงก์รักษาความเป็นอิสระด้านนโยบายการเงินได้
อีกทั้งกล่าวว่า ถ้าใครเชื่อว่า มีอำนาจให้ความคุ้มครองได้นั้น ให้รอดูวันที่ 22 พ.ย.นี้ ซึ่งตนเชื่อโดยไม่กลัวหน้าแหกเลยว่า ศาล รธน.ต้องรับคำร้องไว้พิจารณา เพราะความพยายามของแหล่งข่าว อสส. เป็นสิ่งผิดปกติและสร้างความกดดันแล้วนำผลไปใช้ทางการเมือง แต่ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากมีเรื่องราวต่างๆ สำคัญๆ รอประเดประดังเข้าใส่รัฐบาลเพื่อไทย โดยเฉพาะที่ธรณีสงฆ์ทำสนามกอล์ฟอัลไพน์ ก็หนักหนาสาหัส ไปไม่ได้อยู่แล้ว”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง