น่าคิด อ.เบียร์ ซัดที่พักสงฆ์เถื่อน หลอกฝึกหู-ตาทิพย์ ทำได้จริงมีประโยชน์อะไร
น่าคิด อ.เบียร์ คนตื่นธรรมสับเละกรณีที่พักสงฆ์ป่าสิริจันทร์ กำแพงเพชร อวดอุดตริเอาเด็กมาโฆษณา เรียนวิชาหูตาทิพย์ ุดท้ายไม่เกิดประโยชน์นอกจากลวงโลกซ้ำ ๆ แถมถ้ามีประเด็นเรี่ยไรบริจาคไม่แคล้วโดนหนักอีก
จากกรณีผุด “ลัทธิประหลาด” ที่พักสงฆ์ป่าสิริจันทร์ ในต.สลกบาตร จ.กำแพงเพชร อ้างสามารถสอนวิชาหูทิพย์-ตาทิพย์ให้กับเด็กๆ และลูกศิษย์ที่สนใจมาฝึกปฏิบัติ โดยผู้ที่สำเร็จวิชาตาทิพย์จะสามารถมองเห็นแม้ปิดตา เรียกผู้สำเร็จขั้นวิชาว่า “เจ้าแม่ตาทิพย์” จนต่อมาถูกร้องเรียน เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องลงพื้นที่ตรวจสอบวานนี้ (18 พ.ย.) โดยภายในพื้นที่ 95 ไร่ มีพระ 4 รูป แม่ชี 4 คน แต่ไม่พบเด็กๆ ที่อยู่ในคลิป
ทั้งนี้ หัวหน้าที่พักสงฆ์ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ที่ลงพื้นที่ กรณีที่เป็นประเด็นนั้นเป็นรูปถ่ายเก่าถูกโพสต์ไว้ตอนประมาณ 5 เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันไม่มีการสอนแล้ว
ด้าน อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม กล่าวถึงประเดด็นนี้ในรายการโหยกระแส ย้ำชัดเจนว่าเรื่องทั้งหมดไม่มีอยู่จริง เป็นการอวดอุตริขึ้นมา ก่อนอื่นเรื่องของที่พักสงฆ์ ควรต้องดูว่าพระมีสังกัดรับรองไหม เนื่องจากสถานที่ ๆ จะไปอยู่ต้องเป็นที่อนญาต ต้องถูกต้องตามกฎมาย มีกฎของมหาเถระสมาคมถ้าปลีกวิเวก ถ้าไปตั้งสอนปฏิบัติะรรมต้องมีข้อกฏหมายไปรับรอง
ส่วนเรื่องหลักคำสอนต้องไปดูธรรมวินัยว่าผิดอะไรบ้างถูกอะไรบ้าง แต่ในส่วนของที่พักสงฆ์นั้น อ้างจากคำพูดของผอ. สำนักพุธ ฯ ที่ไปลงพื้นที่ยืนยันเป็นที่พักสงฆ์เถื่อน ดังนั้นจู่ ๆ จะมาบวชเองไปตั้งที่พักเองไม่ได้ ไม่สมบูรณ์โดยกฎของหมาเถระสมาคม อีกทั้งถ้าหาสังกัดไม่ได้ตามระเบียบปฏิบัติก็ต้องแยกออกไปต่างหาก ไม่เกี่ยวกับศาสนาพุทธ
ต่อมาประเด็นใช้เด็กเป็นเครื่องมือลักษณะเชิญชวนมาเรียนที่นี่จะวิเศษอย่างนั้นอย่างนี้ อ.เบีบร์เคลียร์ชัดอีกว่า สุดท้ายทั้งหมดเกิดจากความเห็นผิดของคนกลุ่มหนึ่งที่เข้าไปมีความมีความเห็นผิดจากที่พระท่านได้สอน ถ้าสอนผิดจากหลักความจริง สอนผิดจากหลักสัจจะที่พระพุทธเจ้าสอนหรือธรรมะก็จะเป็นลัษณะแบบนี้
แอบอ้างเพื่อที่จะอาศัยความวิเศษวิโส มีโอกาสมากที่พระสอนแล้ว ตาทิพย์-หูทิพย์ ต้องห็นอะไรได้ เกิดประโยชน์ยังไงต่อชีวิตเด็กที่ไปเรียน ตัวอย่างที่เห็นจากที่พักสงฆ์นั้นเป็นกรณีเอาเด็กมาโฆษณษาประชาสัมพันธ์เพื่อเรียกร้องคนเข้ามาเสียมากกว่า ถ้าพระสอนได้จริงตรงนี้รอดไป แต่ถ้าตัวพระที่สอนไม่ได้จริงก็จะเข้าข่ายความผิดอวดอุตริ
อ.เบียร์ในฐานะคนตื่นธรรมยังย้ำด้วยว่า การจะมีหูทิยพ์ตาทิพย์ได้อย่างน้อย ต้อง “ฌาน” ในขั้นจตุตถฌาน (ฌานที่ 4 ประกอบด้วย อุเบกขา เอกัคคตา) ขึ้นไปถึงจะมีอิทธิปาฏิหารยิ์ได้
อย่างหูทิพย์-ตาทิพย์ถามว่ามีจริงโดยตามธรรมชาติของมันไหม ? มันมีจริงของมัน แต่ต้องมีการฝึกอบรมบ่มนิสัยอยู่ในป่าในเขา ฝึกปฏิบัติตามธรรม สมควรแก่ธรรมจนได้อิทธิปาฏิหาริย์หรือระดับของสมาธิตัวนี้มา แต่คำถามคือเด็กตัวแค่นนี้เริ่มต้นรู้ลมหายใจเข้าออกของตัวเองได้แล้วหรือยัง สามารถมีสติสัมปชัญญะในการจดจ่ออยู่ในอารมณ์เดียวจริงๆ รึเปล่า
อย่างกรณีปั่นจักรยานที่นำมาอ้าง อ.เบียร์ สรุปตรงๆ เลยว่าสามารถตรวจสอบได้เลยเพราะไม่ต่างกับกรณีของคนพิการทางสายตาที่สามารถคุ้นชินกับการเดินทางไปที่ต่างๆ เพราะความเคยชิน ฉะนั้นจะบอกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของวิเศษจึงเป็นลักษณะของการโอ้อวดออกมา แล้วถ้ามีเรื่องเงินทองเข้าไปเกี่ยวข้อง มีการเรี่ยไรบริจาคก็จะเกิดปัญหาอีก
ตอนท้าย แขกรับเชิญผู้ตื่นรู้ทางกระบวนการศาสนายังระบุ ทำนองเน้นย้ำหนักๆ ว่า การเข้าไปวัดวาอารมนั้นควรจะไปเพื่อจุดปนะสงค์ของหารศึกษาเล่าเรียนหลักคำสอนพระพทุธเจ้า ไม่ใช่ไปศึกษาอิทธิปาฏิหาริย์แล้วนำมาสอนเด็กจนเกิดความวุ่นวาย.
อ่านข่าวเพิ่มเติม