เอ็ม บุษราคัม เปิดใจ หม่ำ จ๊กมก เล่าปมน้อยใจสมัยเด็ก อยากได้ยินคำชมจากปากพ่อบ้าง ฝั่งดาวตลกเผย รักที่สุด แค่ไม่พูด ส่วนเรื่องมรดก คิดไว้แล้ว จะแบ่งยังไง
พ่อลูกดาวตลกเปิดอกพูดความในใจ เอ็ม-บุษราคัม วงษ์คําเหลา และ หม่ำ จ๊กมก หลัง บอย พิษณุ ขอคอลแลปแวะมาดูพ่อหม่ำทำกับข้าวที่บ้านผ่านรายการ Bradboy ด้วยเมนูต้มยำคากิ-ผัดไก่รวนพริกไทยดำปลาร้า พร้อมเล่าเส้นทางชีวิตตั้งแต่เกิดจนกลายเป็นตลกเบอร์ต้นของวงการ
พ่อหม่ำเล่าว่าตนเป็นคนกินอยู่ง่าย ถูกพ่อแม่เลี้ยงมาแบบคนบ้านนอก สไตล์คนยโสธร ซึ่งในวัยเด็กตนก็ถูกตีด้วยสายยางฉีดน้ำเป็นปกติ เพราะซนตามประสาเด็ก 14-15 ดื้อ-ไม่ทำงาน แต่ช่วงที่เริ่มเป็นหัวโจกเลยคือตอนเด็ก ๆ เพราะเป็นคนชอบจัดการทำอาหาร วางแผนเวลา ฯลฯ
ด้านพี่บอยถามต่อว่า จริงมั้ย ถ้าเป็นไปได้ จะไม่อยากเจอ-คบแม่มด (ภรรยา) จริงมั้ย และเพราะอะไร? ตลกตัวพ่อตอบทันควันว่า “จริง” เพราะปัญหาเยอะ ตอนนั้นอายุก็ท้องลูก (เอ็ม) ช่วงอายุ 20 ทำให้ยังไม่พร้อม เพราะยังได้เล่นแค่ตลกคณะเล็ก ๆ แถมหนีออกจากบ้านมาเป็นตลกที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่อายุ 17 จนกลายเป็นตลกที่อายุน้อยที่สุดในยุคนั้นอีกด้วย ทว่าช่วงแรกก็ไม่ค่อยชินเท่าไหร่ แต่พอเล่นผ่านราว 4-5 ครั้ง เริ่มรู้ทิศรู้ทาง เพราะเป็นคนชอบดูหนัง-ละคร ซึ่งมีตลกคณะดังเป็นไอดอล ไม่ว่าจะเป็น เทพ โพธิ์งาม, เด๋อ ดอกสะเดา, เชิญยิ้ม, ป๋าต๊อก และอาจารย์ดี๋ ตอนนั้นก็หนีมากับแม่มดพอดี
จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่จดทะเบียนสมรสกัน ขณะที่แม่มดอยากจดเพราะความรัก แต่ตนรู้สึกเฉย ๆ ส่วนจังหวะขอแต่งงานกันก็เห็นตามรายการกันนั่นแหล่ะ
ส่วนคำถามว่าแล้วทำไมไม่พร้อม (ตอนนั้น) นั้น การงานไม่มั่นคง? พ่อหม่ำตอบว่าพอคลอดลูกสาวออกมาก็รู้เลยว่าต้องลำบากแน่ ๆ แถมคลอดห้องอนาถาอีกด้วย แต่พอผ่านมาไม่เท่าไหร่ก็ได้โชคจากลูก เพราะพอได้ย้ายไปอยู่คณะพี่เทพ การเงินเริ่มดีขึ้น จากได้ค่าจ้างเล่นตลกแค่หลักร้อย จนได้จับเงินแสนเมื่อ 36 ปีก่อน ทำให้ดาวตลกหลายคนที่เฟื่องฟูในยุคนั้น อาจมีช่วงหลงระเริงจนออกนอกลู่นอกทางบ้าง แต่เคสตนได้สติเพราะรักเมีย
ฝั่งน้องเอ็มเล่าความรู้สึกตอนที่แม่มดคลอดมิกซ์ (เพทาย วงษ์คำเหลา) น้องชายอายุห่าง 9 ปี ก็รู้สึกตัวเองถูกแย่งความรัก เพราะอยู่คนเดียวมาตลอด ซึ่งตนก็บอกเคยบอกพ่อเรื่องนี้ ว่า ให้ถนอมใจพี่คนโต เพราะน้องเล็กเกิดมาก็ไม่รู้เรื่องอะไรอยู่แล้ว ทำให้พอรุ่นลูกตัวเองจึงนำความรู้สึกนี้มาเป็นคำสอนว่าลูกทุกคนเท่ากันหมด ไม่ควรยัดเยียดว่าเป็นพี่ต้องเสียสละให้น้อง ฯลฯ
ขณะที่พ่อหม่ำเผาลูกสาวว่าตอนเด็กๆ เอ็ม-มิกซ์ ทะเลาะกันทุกวัน ทั้งแย่งทีวี, ตีตูด ฯลฯ เพราะตัวเอ็มรู้สึกว่าตัวพ่อให้ความรักให้ความรักไม่เท่ากันในมุมของเด็ก ถึงแม้ความจริงพ่อจะรักเท่ากัน เช่น น้องได้ของเล่นราคาแพงกว่า ทั้งที่ตัวเองยังไม่เคยมีตุ๊กตาบาร์บี้เลย มีแค่ตุ๊กตากระดาษ เนื่องจากเวลานั้นพ่อหม่ำมีเงินทองแล้ว ทว่าตุ๊กตากระดาษก็มีของเล่นที่มีความทรงจำเพราะได้เล่นกับแม่ แถมทุกวันศุกร์-เสาร์จะได้ไปดูพ่อเล่นตลกอีกด้วย
หลังเล่าความในใจได้สักพัก พ่อหม่ำบอกว่าหากย้อนเวลาได้อยากแก้ไขด้วยการ บอกรักน้องเอ็มทุกวัน ไม่มีวันไหนไม่รักหรอก ทำเอาเอ็มน้ำตาคลอ ก่อนพูดต่อว่า แม่มดก็เหมือนกัน จะบอกให้บอกรักทุกวันเหรอ ก็รู้แหละว่าต้องการ แต่จำให้พูดทำไม จนถึงวันนี้ไม่รู้ว่ารักเหรอ ตอนนั้นตนป่วย ก็ไม่ได้บอกว่าป่วย ไม่รู้จะพูดทำไม จะไม่ออกจากปาก ขอให้เขามีความสุข มีอะไรก็ให้ลูกเมียหมด ไปต่างประเทศรูดซื้อกระเป๋าเป็นแสน ๆ ให้เมีย แล้วก็ไม่ได้ใช้ รูดให้ลูกอีก 2-3 แสน
หากถามว่าให้อะไรตัวบ้างไหมนั้น ก็ไม่มี แทบจะไม่มีกับตัวเองเลย นั่งรถอะไรก็ได้ เมียก็ถามทำไมไม่ซื้อรถดี ๆ ตนก็บอกว่านั่งอะไรก็ถึงเหมือนกัน เงินเป็นล้านเอามาซื้อกับข้าว-ให้หลานไม่ดีกว่าเหรอ แถมบอกเมียตลอดด้วยว่า รู้ว่าตัวเองอายุมาแล้ว จะไล่ขายทรัพย์สิน เอาเงินมากองไว้ เผื่อตัวเองตายไปแล้วทำไง ไม่อยากให้สองคนทะเลาะกัน (เอ็ม-มิกซ์) เดี๋ยวทำไมได้น้อยได้มาก แบ่งเลย นี่ก็มีสามีแล้ว นั่นก็มีภรรยาแล้ว ความคิดมันต่างกัน แบ่งกันออกไป หารครึ่ง จบ เอาทนายมาดูเลย ทรัพย์สินมีเท่านั้น เหลือเท่านี้ แบ่งกันคนละครึ่งให้หมด คิดแล้ว
ขณะที่คำถามยังมีแรงทำงาน? พ่อหม่ำตอบว่า มันไม่แน่ คิดว่าแข็งแรง แต่ขับรถออกไปถูกชนตายก็ได้ ใครจะไปรู้ เอ็มกล่าวเสริมว่า หากอยู่ดี ๆ เกิดอะไรขึ้นมา พ่อหม่ำห่วงความคิดของแม่มากที่สุด เพราะแม่รักพ่อมาก เพราะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานาน ชีวิตมีแต่พ่อ เนื่องจากแม่มาจากครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ ไม่เคยได้ความรักจากพ่อ พอมาเจอสามี ทั้งชีวิตเขาก็คือผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก
จากนั้นวนกลับมาเรื่องมรดก เอ็มกล่าวว่า พ่อหม่ำกลัวมาก เนื่องจากมันเกิดขึ้นมาเยอะ ทุกยุคทุกสมัย (หม่ำพูดเสริม) และไม่อยากให้ความสัมพันธ์ถูกแยก เพราะเอ็มก็มีสามีแล้ว ฝั่งนั้นก็อาจจะคิด ทำไมได้เท่านี้ ภรรยามิกซ์คิดเหมือนกัน จนพี่น้องทะเลาะกัน ทำให้ต้องจบที่ตน เอาทนายมาดูทั้งสองคนเลย เคลียร์-ตกลงพอใจ เซ็น เหลือข้าวไว้ให้แม่มดกับตนกินก็พอ อีกทั้งเห็นเขาทั้งคู่มีความสุข มีลูกมีสามี ลูกชายมีภรรยาดี งานการดี ไม่คาดหวังอะไร ก็โอเคแล้ว
ด้านเอ็มเผยปมในใจทิ้งท้ายรายการว่า ตนอยากได้คำชมจากพ่อบ้าง เพราะพ่อเคยบอกว่าจะไม่พูดให้เอ็มได้ยินเด็ดขาด เดี๋ยวเหลิง แม้วันที่ตายก็จะไม่พูด จนเอ็มถามต่อว่าพ่อจะพูดตอนไหน ซึ่งตัวหม่ำก็บอกว่าจะพูดในวันที่ไม่พูดแล้ว ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่ได้ยินแล้วนะ เนื่องจากตนอยากแค่ได้ยินคำชมว่า เก่งมากลูก ดีมากลูก พ่อดีใจมากเลย แค่นี้เอง
ทำเอาพ่อหม่ำลุกขึ้น พร้อมพูดว่า “พ่อพูดอ่ะ เอ็มเก่งมาก” พร้อมสวมกอด จนพ่อลูกหลั่งน้ำตา ก่อนพูดต่อว่า“แค่พ่อไม่พูดแค่นั้นเองลูก พ่อรักเอ็มที่สุด” จนเอ็มตอบกลับว่า “พ่อเคยพูดคำหนึ่ง เสียดายที่ปู่กับย่าไม่ได้เห็นวันที่พ่อประสบความสำเร็จ ถ้าปู่กับย่ายังอยู่ พ่อก็คงได้รับคำชมนี้เหมือนกัน เอ็มก็อยากได้ยินคำนี้ในวันที่เขายังอยู่”
พ่อหม่ำเผยว่า ที่ตนไม่พูดก็เพราะวันเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เอ็มเกิด จนถึงวันนี้ 38-39-40-60 อะไรก็ได้หลังจากตนตาย นั่นแหละตนพูดไปหมดแล้ว เพียงแต่ไม่ได้เปล่งเสียงออกมาเท่านั้นเอง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- หม่ำ จ๊กมก บินลัดฟ้าเชียงราย ควักกระเป๋า ซื้อบ้าน-รถ เปย์หนักให้ครอบครัว
- ขอบวชก่อนแต่ง ‘มิกซ์’ ลูกชาย ‘หม่ำ’ เปิดใจ หลังควงคู่ว่าที่เจ้าสาวออกงาน
- คณะทัวร์เลี้ยวรถ ‘หม่ำ จ๊กมก’ ลั่นแรง หมดศรัทธาคนชื่อ ‘โน๊ต’ ก่อนหักมุม