รีวิว แกลดดิเอเตอร์ 2 (Gladiator 2) ภาคต่อสุดอลังการ ฉากแอคชั่นจัดเต็ม แต่เนื้อเรื่องยังไม่ปังเท่าภาคแรก แม้จะได้ พอล เมสคัล มารับบทนำ แต่ เดนเซล วอชิงตัน กลับขโมยซีน
หลังจากรอคอยมานานกว่า 20 ปี Gladiator II (แกลดดิเอเตอร์ นักรบผู้กล้า ผ่าแผ่นดินทรราช 2) ก็กลับมาทวงบัลลังก์ความยิ่งใหญ่ พร้อมพาผู้ชม ย้อนสู่โลกแห่งกรุงโรมโบราณ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด และการต่อสู้สุดระห่ำ ภาคนี้ได้ พอล เมสคัล มารับบท ฮันโน เชลยศึกผู้ต้องก้าวสู่เส้นทางนักสู้กลาดิเอเตอร์ เพื่อล้างแค้นให้กับครอบครัว แม้พล็อตเรื่องจะดูคล้ายกับภาคแรก แต่ Gladiator II ก็มีเซอร์ไพรส์เด็ด ๆ ซ่อนอยู่เพียบ รับรองว่าแฟน ๆ ต้องร้องว้าว
สำหรับการรีวิว แกลดดิเอเตอร์ 2 อัดแน่นไปด้วยฉากแอคชั่นสุดอลังการที่ยิ่งใหญ่และสร้างสรรค์กว่าภาคก่อน พร้อมกับการจำลองภาพอันน่าทึ่งของกรุงโรมโบราณ ผู้กำกับริดลีย์ สก็อตต์ ใช้ทรัพยากรทุกอย่างเพื่อสร้างฉากแอคชั่นของเหล่านักสู้กลาดิเอเตอร์ที่ไม่เหมือนใครไม่ว่าจะเป็น
1. ฉากการปิดล้อมทางทะเล ที่นายพลอะคาเซียส (เปโดร ปาสคาล) นำกองเรือรบเข้าโจมตีป้อมปราการริมทะเล พร้อมกับสร้างหอคอยเพื่อปีนกำแพงป้อมปราการ
2. ฝูงลิงบาบูนสุดโหด ที่ถูกปล่อยออกมาเพื่อขย้ำเชลยศึก ฮันโน (พอล เมสคัล) พระเอกของเราผู้โกรธแค้น ต้องต่อสู้กับพวกมันอย่างดุเดือด
3. นักรบขี่แรด ที่ขว้างลูกบอลใส่ศัตรูที่กำลังหลบหนี ทำให้พวกเขาสะดุดล้ม ก่อนที่แรดจะพุ่งชนและเหวี่ยงพวกเขาเข้าใส่กำแพงโคลอสเซียม
4. การต่อสู้ทางทะเลสุดระทึก ที่จำลองขึ้นในโคลอสเซียมที่ถูกน้ำท่วม เหล่านักธนูยิงใส่กันจากเรือฝ่ายตรงข้าม เรือรบพุ่งชนกัน และคนที่ตกลงไปในน้ำจะถูกฉลามขย้ำ
5. ฉากไคลแม็กซ์สุดอลังการ ที่เหล่านักสู้กลาดิเอเตอร์ผู้เป็นทาส ปีนกำแพงและบุกเข้าไปในอัฒจันทร์โคลอสเซียมเพื่อล้างแค้นผู้กดขี่
สรุปรีวิว Gladiator II มันส์ระห่ำ! แต่ก็…เอ๊ะ? ยังไปไม่สุด
เรื่องราวของหนังภาคนี้เกิดขึ้น 15 ปีหลังจากเหตุการณ์ใน Gladiator 1 จักรพรรดิฝาแฝด เกตา (โจเซฟ ควินน์) และคาราคัลลา (เฟร็ด เฮชิงเงอร์) ไม่ได้เดินตามรอยเท้าของมาร์คัส ออเรลิอุส การขยายอำนาจทางทหารอย่างโหดเหี้ยมของพวกเขาทำให้อะคาเซียสรู้สึกเหนื่อยล้า เขาจึงวางแผนก่อกบฏร่วมกับลูซิลลา (คอนนี นีลเซ่น) ภรรยาของเขา ซึ่งเป็นลูกสาวและทายาทของออเรลิอุส และสมาชิกวุฒิสภา กราคคัส (เดเร็ก จาโคบี) ซึ่งเป็นนักแสดงเดิมจากภาคแรกในปี 2000
เบื้องหลัง ยังมีตัวละครอื่น ๆ ที่แก่งแย่งอำนาจท่ามกลางวุฒิสภาโรมันที่ไร้ประสิทธิภาพ รวมถึงสมาชิกวุฒิสภาผู้ทรยศ ทราเอ็กซ์ (ทิม แม็คอินเนอร์นี) และแมครินัส (เดนเซล วอชิงตัน) ผู้สนับสนุนนักสู้กลาดิเอเตอร์ผู้มั่งคั่ง
แน่นอนว่า Gladiator II ก็มีเรื่องราวของกลาดิเอเตอร์เช่นกัน และมันก็คล้ายกับภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่กองทัพโรมันบุกนูมิเดีย ฆ่าอาริแชต (ยูวาล โกเนน) ภรรยาของฮันโน นักรบหนุ่มถูกกองทัพผู้รุกรานจับตัวไปขายเป็นทาส และถูกแมครินัสซื้อตัวไปฝึกฝนให้ต่อสู้ในโคลอสเซียมโดยวีโก (ลิออร์ ราซ) เหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นใกล้เคียงกับภาคแรกมาก จนบางครั้ง Gladiator II ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการรีเมคใหม่
อย่างไรก็ตาม หนังภาคนี้ก็มีเรื่องน่าประหลาดใจบางอย่างซ่อนอยู่ ความเชื่อมโยงระหว่างเรื่องราวของฮันโนกับภาคแรกถูกบอกใบ้ไว้ในช่วงครึ่งแรกของ Gladiator II ก่อนที่จะเปิดเผยอย่างเต็มที่ในตอนท้ายของหนัง
ขอเสียอีกอย่างไม่ได้มาจากตัวภาพยนตร์โดยตรง แต่มาจากตัวอย่างหนังและสื่อประชาสัมพันธ์เกือบทั้งหมดเปิดเผยเรื่องราวออกมาหมด ซึ่งทำให้เสียอรรถรสในการเล่าเรื่องของปีเตอร์ เครก และเดวิด สคาร์ปา ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในภาคก่อนหน้าด้วยวิธีที่น่าพึงพอใจมากกว่าภาคต่อทั่วไป
ในตอนแรก ฮันโนสาบานว่าจะแก้แค้นอะคาเซียสสำหรับการตายของภรรยา และแมครินัสก็ยินดีที่จะสัญญากับเขาว่าจะมอบหัวของนายพลให้เป็นการตอบแทน หากเขาชนะการต่อสู้ในโคลอสเซียม แต่ต่างจากเรื่องราวการแก้แค้นตรงไปตรงมาในภาคก่อน Gladiator II ค่อย ๆ เผยให้เห็นเรื่องราวที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ซึ่งสำรวจภาพรวมที่ใหญ่ขึ้น และสิ่งที่ตัวละครเหล่านี้ต่อสู้เพื่อจริง ๆ
ดังที่ Gladiator II อ้างอิงคำพูดของมาร์คัส ออเรลิอุส จริงๆ ว่า “การแก้แค้นที่ดีที่สุดคือการไม่เหมือนกับคนที่ทำร้ายเรา” ในแง่ของภาพยนตร์นั่น มักจะไม่เท่ากับการเล่าเรื่องที่น่าพึงพอใจ แต่มันก็น่าสนใจอย่างแน่นอน ฉากสุดท้ายระหว่างเมสคัลและปาสคาลในโคลอสเซียมเป็นฉากที่ดีที่สุดในหนัง และเป็นฉากคลาสสิกทันที
เมสคัลมีเสน่ห์แบบเรียบง่าย แต่เขาดูไม่เหมาะกับบทนี้ ซึ่งต้องการบุคลิกที่โดดเด่นและอาจจะโอเวอร์กว่านี้ (ปาสคาลมักจะดูเหมาะสมกว่า) เมสคัลไม่ได้แสดงบทกลาดิเอเตอร์แบบเดียวกับรัสเซล โครว์ ในภาคก่อน ซึ่งปรากฏในภาคนี้ผ่านทาง flashback ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแรงจูงใจของตัวละครอย่างกะทันหันที่ไม่ได้รับการถ่ายทอดออกมาอย่างเต็มที่
เรารู้สึกได้ถึงช่วงเวลาเล็ก ๆ ที่น่าประทับใจซึ่งจะทำให้ตัวละครนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมาจริง ๆ แต่กลับถูกตัดออกไปเพราะการตัดต่อ หลังจากที่สก็อตต์ต้องทำให้มหากาพย์เรื่องนี้จบลงภายในเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่ผู้กำกับระบุว่า Gladiator II เวอร์ชันนี้ ซึ่งมีปัญหาเรื่องจังหวะการเล่าเรื่องที่เร่งรีบเช่นเดียวกัน เป็นเวอร์ชันสุดท้ายของเขา
ด้วยการแสดงนำที่แข็งทื่อของเมสคัล ทำให้การแสดงของนักแสดงสมทบมีบทบาทสำคัญในการเล่าเรื่อง นักแสดงส่วนที่เหลือแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม ควินน์และเฮชิงเงอร์รับบทเป็นจักรพรรดิฝาแฝดวายร้ายสไตล์ Game of Thrones เช่นเดียวกับแมตต์ ลูคัสในบทพิธีกรโคลอสเซียม และวอชิงตันขโมยซีนทั้งเรื่องในบทบาทวายร้ายแบบเชกสเปียร์ในฐานะแมครินัส การปรากฏตัวของเขาน่าสนใจมากจนเรื่องราวของเขากลืนกินเรื่องราวทั้งหมดในช่วงไคลแม็กซ์ของหนัง
ในขณะที่ดนตรีประกอบของแฮร์รี่ เกร็กสัน-วิลเลียมส์ ไม่ได้ส่งผลกระทบเท่ากับผลงานของฮันส์ ซิมเมอร์ในภาคแรก Gladiator II ก็ดูน่าทึ่งใน IMAX ด้วยภาพยนตร์ไวด์สกรีนสุดอลังการของจอห์น มาธีสัน ผู้กำกับภาพที่กลับมาอีกครั้ง ในปีที่หนังบล็อกบัสเตอร์หลายเรื่องน่าผิดหวัง Gladiator II ยืนเคียงข้าง Dune: Part Two ในฐานะประสบการณ์ภาพยนตร์ที่ควรค่าแก่การรับชมบนจอใหญ่
เปรียบเทียบภาคต่อเพียงไม่กี่เรื่องที่เทียบเท่ากับภาคแรกที่ได้รับรางวัลออสการ์ได้ และ Gladiator II ก็ไม่ใช่ The Godfather Part II ในแง่นั้น ภาคนี้มีเนื้อเรื่องที่กว้างขวางและยุ่งเหยิงเกินกว่าจะถ่ายทอดออกมาในรูปแบบเดียวกับภาคแรก และนอกเหนือจากหมวดหมู่ทางเทคนิคแล้ว
ความคิดเห็นส่วนตัวหลังชมภาพยนตร์
สวนตัวคิดว่าการแสดง พอล เมสคัล ก็เล่นดีนะ แต่เราว่ายังไม่ค่อยมีพลังเท่ารัสเซล โครว์ ในภาคแรกเท่าไหร่ แต่เดนเซล วอชิงตัน คือที่สุด! เรียกว่า ขโมยซีนไปเต็ม ๆ กับบท แมครินัส ตัวร้ายสุดแสบ
คือภาคนี้เนี่ย ฉากแอคชั่นคือที่สุด ไม่ว่าจะเป็นฉากรบทางทะเลที่อลังการงานสร้างมากกก นายพลอะคาเซียส (เปโดร ปาสคาล) นำทัพบุกโจมตีป้อมปราการริมทะเลแบบไม่มีพัก หรือจะเป็นฉากสู้กับลิงบาบูนโหด ๆ ที่แบบ เห็นแล้วเสียวแทน
แถมยังมีฉากขี่แรดไล่ชนคนอีกคือมันส์มาก แล้วที่พีคสุด คือฉากต่อสู้ในโคลอสเซียมที่กลายเป็นทะเล มีทั้งเรือรบ ธนูเพลิง แถมยังมีฉลามโผล่มาอีก คือแบบ ตื่นเต้นจนลืมหายใจ
ทว่า…ถึงแม้ฉากแอคชั่นจะอลังการแค่ไหน แต่เนื้อเรื่องก็ยังมีจุดที่แบบ…เอ๊ะ? คือมันก็สนุกนะ แต่บางทีก็ดูงง ๆ หน่อย ๆ แล้วก็เสียดายที่ตัวอย่างหนังสปอยล์ไปเยอะมากก แอบเซ็งเลย
สรุปแล้ว Gladiator II เป็นหนังที่ดูสนุก ตื่นเต้น และได้เห็นฉากอลังการแบบตาแตก ถึงแม้จะไม่ได้ดีเท่าภาคแรก แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าตั๋วนะ ใครที่ชอบหนังบู๊ ๆ แอคชั่นมันส์ ๆ บอกเลยว่าห้ามพลาด
คำวิพากย์วิจารณ์จากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes
หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง Gladiator II เข้าฉายแล้ววันนี้ (14 พ.ย. 67) เว็บไซต์ Rotten Tomatoes ได้ให้คะแนนมะเขือสดอยู่ที่ 77 เปอร์เซนต์ และยังไม่มีใครให้คะแนนมะเขือเน่า แต่ก็มีผู้ชมบางกลุ่มแสดงความคิดเห็นในเชิงลบว่า
“Gladiator II เป็นภาพยนตร์ที่ไม่น่าประทับใจนัก แน่นอนว่ามันยอดเยี่ยมและน่าตื่นตาตื่นใจในบางครั้ง แต่บทภาพยนตร์กลับไม่ทะเยอทะยานและไม่สร้างสรรค์ตามความตั้งใจ หลังจากรอคอยมานานถึง 24 ปี โดยมีข่าวลือว่างบประมาณสูงถึง 250 ล้านดอลลาร์ เราก็คาดหวังได้มากกว่านี้”
“อึดอัด ตื้นเขิน และไม่มีจุดโฟกัส ผู้กำกับ ริดลีย์ สก็อตต์ ถ่ายทอดฉากต่อสู้ได้ดีกว่าอารมณ์เสียอีก แม้แต่หนังแอ็กชั่นระทึกขวัญเรื่อง The Carpenter ก็ยังให้ความบันเทิงและจินตนาการมากกว่าหนังบีเรื่องนี้ซึ่งผลิตมากเกินไปและยาวเกินไป”
ทั้งนี้ การวิพากย์วิจารณ์ภาพยนตร์ เป็นความชื่นชอบและรสนิยมส่วนบุคคล การที่ภาพยนตร์เรื่องนั้น ๆ ได้คะแนนดี ไม่ได้แปลว่าจะถูกใจคนดูเสมอไป หรือการที่มีคนแสดงความคิดเห็นในเชิงตำหนิ ก็ไม่ได้แปลว่าหนังจะห่วยแตกจริง ๆ ขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้ชมรายบุคคลนั่นเอง
สำหรับผลการรีวิวส่วนตัวของผู้เขียนหลังจากที่ชมภาพยนตร์เรื่อง Gladiator 2 และเคยดู Gladiator ภาคแรก สรุปคะแนนแบ่งตามประเภทต่าง ๆ ดังนี้
- Overall (โดยรวม): 7.5/10
- Story (เนื้อเรื่อง): 7/10
- Direction (การกำกับ): 7.5/10
- Characterisation (การแสดง): 7/10
- Geek Satisfaction (ความถูกใจคอหนัง): 8.5/10
ข้อมูลเบื้องต้นของ Gladiator II
- วันที่ออกฉายในประเทศไทย : 14 พฤศจิกายน 2567 (สหราชอาณาจักร 15 พ.ย. 67)
- ผู้กำกับ : ริดลีย์ สกอต (Sir Ridley Scott)
- ผู้จัดจำหน่าย : พาราเมาต์พิกเจอส์
- ผู้กำกับศิลป์ : ทามารา มารินี
- การถ่ายภาพยนตร์ : จอห์น มาธิสัน
- ออกแบบเครื่องแต่งกาย : แจนตี้ เยตส์, เดวิด ครอสแมน
- ความยาวภาพยนตร์ : 2 ชั่วโมง 28 นาที
อ้างอิง : Paramount Pictures, Rottentomatoes