บอสพอล ฝากทนายแจ้งความ ฟิล์ม-กฤษอนงค์ ข้อหาพยายามฉ้อโกง
บอสพอล ฝากทนายแจ้งความ ฟิล์ม และ กฤษอนงค์ ข้อหาพยายามฉ้อโกง เผยไม่ใช่เหยื่อรายแรก แนะใครเคยโดนเหมือนดิไอคอน ขอให้ไปร้องทุกข์ด้วย
นาย วิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล รัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ป ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบกับบอสพอล บอสปีเตอร์ บอสป๊อบ บอสวิน บอสโอม และโค้ชแล็บ เป็นเวลา 5 ชั่วโมง
นาย วิฑูรย์ กล่าวว่าบอสพอลฝากมาว่า คดีนี้ต้นเหตุเริ่มจากช่วงเดือน มิ.ย.จนถึง ก.ค.ที่ผ่านมา ที่เริ่ม เริ่มมีคนมาร้องเรียนผ่าน น.ส.กฤษอนงค์ จากนั้น น.ส.กฤษอนงค์ ก็เข้ามาคุยกับบอสพอลว่ามีผู้เสียหายจำนวน 83 คน จำนวน ความ 15 ล้านบาทมาร้อง หากเธอรับทำเคสนี้จะมีการพาไปออกสื่อไปร้องหน่วยงานต่างๆ ทั้ง สคบ. บก.ปคบ. ซึ่งบอสพอลในขณะนั้นไม่อยากมี เรื่อง หรือเกิดความเสียหายกับบริษัทจึงยอมจ่ายไป จำนวน 8.3 ล้าน แบ่งเป็นจ่ายให้ผู้เสียหาย 7 ล้านกว่าบาท และจ่ายค่าดำเนินการให้ น.ส.ก จำนวน 4.5 แสน โอนเข้าบริษัท และ 3 แสนบาท ให้เงินสด ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวแลกกับขอให้เก็บรักษาความลับนี้ไว้ เพราะสิ่งที่บริษัทกลัวคือการไปแจ้งกับคนอื่นๆ แล้วจะมาเรียกร้องกับบริษัทอีก เพราะคนกลุ่มนี้อาจจะเป็นกลุ่มที่ได้ของไปแล้ว ไม่รู้ว่าขายไม่ได้หรือไม่ได้ขาย
แต่หลังจากที่กลุ่มคนนี้ได้รับเงินก็ไปข่าวปล่อยในเพจผี และเริ่มมีการโจมตีบริษัทดิไอคอน ในช่วงเดือน ส.ค. และ ก.ย. ว่าบริษัทเคยจ่ายเงินให้กับผู้เสียหายมาแล้ว ทำให้ผู้เสียหายคนอื่นไปร้องกับบริษัทของ น.ส.ก และทนายความคนอื่นตามที่ปรากฏในสื่อในช่วงนั้น และเหตุการณ์เริ่มบานปลาย เพราะบริษัทไม่ต้องการที่จะจ่ายเงินอีกแล้ว ทำให้ช่วง ก.ย. และต.ค.มีผู้เสียหายไปร้องที่ตำรวจสอบสวนกลาง และกระแสเริ่มเป็นประเด็นไปถึงรายการโหนกระแส จนเป็นที่มาของคลิปที่เรียกเงิน 20 ล้าน และระหว่างนั้นก็มีการปล่อยข่าวปลอมมาตลอด และสินค้าไม่มีในโกดัง
ส่วนวันที่บอสปัน ไปหา น.ส.ก ที่บริษัทวันนั้นมีเลขาฯไปด้วยสองคนคือ คุณเนมและคุณใหม่ ซึ่งวันนั้น น.ส.ก ได้โทรศัพท์ไปหานาย ฟิล์ม รัฐภูมิ ช่วงประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 9 ต.ค. ต่อเนื่องวันที่ 10 ต.ค. ว่าจะพาไปออกโหนกระแสในวันที่ 14 ต.ค. และได้คืนนั้น น.ส.ก บอกกับบอสปันว่าวันที่ 10 ต.ค. จะพาผู้เสียหายไปร้องที่ สคบ. เพื่อเปลี่ยนทิศทางคดี
ตนได้คุยกับบอสกันต์ ผ่านทนายว่ามีการติดต่อกับนายฟิล์มหรือไม่ บอสกันต์ได้ปฏิเสธว่านายฟิล์ม ไม่ได้ติดต่อมา มีแต่ติดต่อไปหาคุณพลอยแค่ให้กำลังใจเท่านั้น และบอสกันต์ก็ไม่เคยคิดที่จะไปออกรายการโหนกระแส
บอสพอล ยังฝากบอกว่า ตอนนี้ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏว่าเราโกงยังไง เพราะผู้เสียหายส่วนมากจะเป็นจากการหลงเชื่อ และซื้อสินค้าเอามาขาย แต่ทุกครั้งที่สั่งซื้อคุณก็ได้สินค้าทุกครั้ง ส่วนเรื่องขายไม่ได้หรือคุณไม่ได้ขายก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และบอกว่าคดีนี้ควรจะเป็นคดีแพ่งมากกว่าคดีอาญา แต่ไม่เป็นไรสุดท้ายตำรวจออกหมายจับแล้ว
บอสพอล ยังบอกอีกว่า พฤติกรรมของ กฤษอนงค์ และ ฟิล์ม รัฐภูมิ ที่ทำเหมือนจะหวังดี มีผู้เสียหาย และยังบอกอีกว่า น.ส.ก เคยมีพฤติกรรมแบบนี้กับบริษัทอื่น และดิไอคอนไม่ใช่ที่แรกที่ถูกพฤติกรรมแบบนี้ เพราะฉะนั้นใครที่เคยโดนเหมือนกับดิไอคอน ขอให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ได้กับตำรวจ และบอสพอล ยังบอกอีกว่า ก่อนที่จะโดนจับมีโอกาสได้พูดชี้แจง แต่ด้วยกระแสสังคมที่กดดันจึงพูดไม่ได้เต็มที่ แต่บอสคนอื่นไม่มีโอกาสได้พูดหรือชี้แจงในฝั่งของดิไอคอนเลย จึงอยากขอให้สังคมให้โอกาส เปิดใจ เหล่าบอสก็พร้อมจะไปออกทุกรายการ และชี้แจงให้สังคมเข้าใจอีกมุมหนึ่ง เพราะตอนนี้ในเกมของสื่อมวลชนทางเราแพ้ แต่ในเกมของกระบวนการยุติธรรมยังไม่สิ้นสุดเลยว่าเราแพ้หรือชนะ
ส่วนคำสั่งศาลที่ไม่ให้ประกันตัวบอสดารา เพราะมีพฤติกรรมไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และเกรงว่าหลบหนี ซึ่งบอสดาราได้เข้าไปชี้แจง และนำพาสปอร์ตไปยืนยันว่าจะไม่หลบหนี แต่สุดท้ายก็ถูกออกหมายจับ รวมถึงบอสคนอื่นก็ไม่ได้หลบหนี บางคนอยู่บ้าน บางคนไปชี้แจงกับหน่วยงานอื่น แต่ก็ถูกตำรวจไปรวบคาหน่วยงานของรัฐ แต่กลับถูกไม่ให้ประกัน โดยบอกว่าจะมีพฤติกรรมหลบหนี อีกทั้งบางคนก็ขอเข้ามอบตัวอีกด้วย
และส่วนหนึ่งที่ทำให้เป็นคดีขึ้นมา เพราะเป็นการปั่นพยานเท็จของนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือ เอก สายไหมต้องรอด ที่มีการปั้นพยานเท็จให้ข้อมูลกับตำรวจเรื่องเงินคริปโตกว่า 8 พันล้าน และมีการจ่ายถึงเงินให้กับเทวดา พร้อมพยายามโยงไปเองให้ เกี่ยวข้องกับนักการเมือง แต่สุดท้ายก็ไม่มีการจ่ายสินบนให้กับหน่วยงานใด และช่วงนั้นข่าวเล่นแรงมาก ตนจึงอยากถามว่าจะรับผิดชอบชีวิตของเหล่าบอสและหน่วยงานที่ถูกกล่าวอ้างยังไงในประเด็นที่ถูกปั้นพยานเท็จมา
ส่วนที่บอสพอลพูดถึงเรื่องเทวดาในรายการโหนกระแส อาจจะเป็นการตีความเป็นเทวดาจริงๆ ไม่ได้หมายถึงบุคคลแต่สังคมอาจจะเข้าใจผิดไปเอง
ทนายวิฑูรย์ กล่าวอีกด้วยว่า คดีของดิไอคอนกรุ๊ปเกิดจากกลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์แล้วมาเล่นงานบริษัท ส่วนที่มีผู้เสียหายเขาแจ้งความจำนวนมากส่วนหนึ่งก็มองว่าเป็นเพราะผู้เสียหายอุปทานหมู่พอเห็นข่าวแล้วเห็นว่าตัวเองก็เคยซื้อของกับดิไอคอนก็อาจเกิดข้อสงสัยและเข้าใจว่าตัวเองเป็นผู้เสียหาย อย่างสมาชิกทั้งหมดของดิไอคอนกรุ๊ปมีมากกว่า 300,000 คน แต่พบว่ายอดการแจ้งความมีประมาณกว่า 10,000 คน ยังไม่ถึง 2% ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดด้วยซ้ำ ส่วนที่คนสงสัยว่าหากหลักฐานแน่จริงตำรวจก็คงไม่ออกหมายจับทนายวิฑูรย์มองว่าบางคดีถูกหมายจับไปแล้วท้ายที่สุดศาลก็ยกฟ้อง
ส่วนเรื่องการจ้างทำพีอาร์ได้สอบถามบอสพอล มาแล้วยืนยันว่าทางดิไอคอนกรุ๊ปมีการจ้างทำการตลาด รวมถึงทำโฆษณากับบริษัทอื่น ซึ่งไม่เคยจ้างงาน น.ส.กฤษอนงค์ และนายฟิล์มอย่างแน่นอน โดยเรื่องคลิปเสียงหลังจากนี้ก็พร้อมจะดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมโดยจะดำเนินคดีกับทั้งสองคนในข้อหาพยายามฉ้อโกง
ส่วนประเด็นการต่อสู้คดีในข้อเท็จจริงเรื่องของพยานหลักฐานมั่นใจว่าจะชนะคดีแต่การที่ฝั่งของตัวเองถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำทำให้การทำงานยากลำบากกว่าจะไปพูดคุยกับผู้ต้องหาแล้วไปรวบรวมพยานหลักฐานตามข้อมูลที่ได้รับนั้นเป็นเรื่องยาก
ส่วนคลิปเสียงเรื่องการจ่ายเทวดา กับอดีตนักการเมือง ส. ในส่วนนี้ไม่ได้ไปแจ้งความเพราะจากการสอบถามข้อเท็จจริงคลิปเต็มเกิดขึ้นตั้งแต่เม.ย.2566 เป็นช่วงที่จะมีการทำพรรคการเมือง และพูดคุยเรื่องค่าตอบแทน กันไม่ใช่การรีดไถเงิน ส่วนเงินส่วนเงินที่จ่ายให้ทนายตั้มก็ไม่ชัดเจนว่าเป็นการตบทรัพย์ เพราะเกิดขึ้นหลังจากที่มีผู้ต้องหาเข้าแจ้งความแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- บิ๊กเต่า คาดโทษ ฟิล์ม รัฐภูมิ เข้าข่ายพยายาม ฉ้อโกง ออกหมายเรียกสัปดาห์นี้
- ย้อนคดีเก่า ฟิล์ม รัฐภูมิ หวิดคุก ธุรกิจบัตรเติมเงิน ก่อนดราม่า ตบทรัพย์ 20 ล้าน
- ทนายตั้ม เผยอยู่สบาย มีแต่คนแย่งกันดูแล ล่าสุดเจอกลุ่มบอสดิไอคอนแล้ว