การบินไทยประกาศกำไรไตรมาส 3 ปี 2567 พุ่ง 557% สู่ 12,483 ล้านบาท
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 พบว่าธุรกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 12,483 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 10,937 ล้านบาท หรือ 557% โดยกำไรส่วนนี้เป็นของบริษัทใหญ่ 12,480 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 5.72 บาท เพิ่มขึ้น 717.1% จากปีก่อน
รายได้เติบโตจากเส้นทางบินใหม่และการขนส่ง
รายได้รวม (ไม่รวมรายการพิเศษ) อยู่ที่ 45,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,820 ล้านบาท หรือ 23.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักมาจากรายได้การขนส่งผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 20% (6,182 ล้านบาท) และรายได้จากการขนส่งสินค้าซึ่งเติบโต 36.6% (1,268 ล้านบาท)
ไตรมาสนี้ การบินไทยได้เพิ่มเส้นทางบินสู่มิลานและออสโล รวมถึงเพิ่มความถี่เส้นทางไปปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ส่งผลให้เครือข่ายครอบคลุม 61 จุดบินใน 26 ประเทศทั่วโลก โดยมีจำนวนผู้โดยสารรวม 3.94 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20.5%
ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ยังควบคุมได้
ค่าใช้จ่ายรวม (ไม่รวมรายการพิเศษ) อยู่ที่ 38,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.9% ตามปริมาณเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสาร ค่าใช้จ่ายหลักที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ค่าซ่อมบำรุงอากาศยาน ค่าบริการสนามบิน และค่าโฆษณา
รายการพิเศษช่วยหนุนกำไร
ในไตรมาสนี้ บริษัทมีรายได้จากรายการพิเศษสุทธิ 10,119 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน และการปรับโครงสร้างหนี้
ปริมาณการขนส่งและการใช้เครื่องบิน
- การผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้น 26.2%
- การขนส่งสินค้าพัสดุภัณฑ์ (RFTK) เพิ่มขึ้น 31.6%
- อัตราการใช้ประโยชน์เครื่องบินเฉลี่ย 13.1 ชั่วโมง
การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบิน การบินไทยอยู่จุดไหน?
ในปี 2567 อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน เนื่องจากการเดินทางระหว่างประเทศกลับมาใกล้เคียงระดับก่อนโควิด สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) คาดการณ์ว่าปริมาณผู้โดยสารทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ในปีนี้ การบินไทยสามารถใช้โอกาสนี้ได้ดี โดยมีรายได้จากการขนส่งผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 20% และรายได้จากการขนส่งสินค้าพุ่งขึ้นถึง 36.6% ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ของการบินไทยในไตรมาสนี้ลดลงเล็กน้อยจาก 77.3% เหลือ 76.1% ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของสายการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเล็กน้อยที่ประมาณ 80%
รายการพิเศษ กำไรที่ยั่งยืนหรือครั้งเดียว?
การบินไทยมีรายได้จากรายการพิเศษสุทธิ 10,119 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผลกำไรสุทธิสูงขึ้น รายการเหล่านี้รวมถึงกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและการปรับโครงสร้างหนี้ อย่างไรก็ตาม รายได้ประเภทนี้มักเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวและไม่สามารถคาดหวังในระยะยาวได้
ดังนั้น แม้กำไรสุทธิจะสูงขึ้นมาก แต่เมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานหลัก (EBITDA) หลังหักต้นทุนทางการเงิน บริษัทฯ ยังเผชิญความท้าทาย โดยตัวเลข EBITDA ลดลง 20.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งชี้ให้เห็นถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและการแข่งขันในตลาด
เส้นทางบินใหม่ ผลกระทบต่อผู้โดยสาร
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของการบินไทยคือการขยายเครือข่ายเส้นทางบิน โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ ได้กลับมาเปิดเส้นทางสู่มิลานและออสโล รวมถึงเพิ่มความถี่บินไปยังปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวระหว่างไทย-จีนที่ฟื้นตัวจากมาตรการยกเว้นวีซ่า
สำหรับผู้โดยสาร การเพิ่มเส้นทางบินช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางและลดระยะเวลาการต่อเครื่อง โดยเฉพาะในตลาดยุโรปและจีนที่มีความต้องการสูง การบินไทยยังสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจได้ดีขึ้น
ความท้าทายด้านต้นทุนและการบริหารจัดการ
แม้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ ก็เพิ่มขึ้น 31.9% สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายด้านซ่อมบำรุงอากาศยานและค่าบริการสนามบินที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงค่าโฆษณาที่เพิ่มตามจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบิน การจัดการต้นทุนในช่วงการฟื้นตัวนี้จะเป็นกุญแจสำคัญต่อการรักษาความสามารถในการแข่งขัน
บทสรุป แม้ว่ากำไรสุทธิในไตรมาสนี้ส่วนหนึ่งจะมาจากรายการพิเศษ แต่การฟื้นตัวของรายได้หลักและกลยุทธ์ขยายเส้นทางบินสะท้อนถึงศักยภาพในการเติบโตของการบินไทย ในระยะยาว บริษัทฯ ยังต้องปรับปรุงการบริหารต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดการบินที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างมั่นคง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “โทนี่” บิ๊กแอร์เอเชีย จองตั๋วไม่ทัน ต้องนั่งการบินไทย โพสต์ขิง ขายดีจนไม่มีที
- สาวโวย ‘การบินไทย’ ไร้ความรับผิดชอบ ลอยแพ 30 ชีวิต กลางสนามบิน
- ‘บางกอกแอร์เวย์ส’ คว้า 2 รางวัลใหญ่ ส่วน ‘การบินไทย’ ที่ 8 ด้านพนักงานต้อนรับ