วีรศักดิ์ ชี้ ปมฉ้อโกง ทนายตั้ม คนละส่วนกับคดีมรรยาท ปัดพิจารณาร่วม
รองโฆษกสภาทนายความฯ เผย ปม “ทนายตั้ม” ถูกตำรวจจับคดีฉ้อโกง เป็นคนละส่วนกับคดีมรรยาททนาย หากไม่ใช่ข้อหาเดียวกับผู้ร้องเรียน
จากกรณี ทนายตั้ม ษิทรา และปาทิตตา เบี้ยบังเกิด ถูกตำรวจสอบสวนกลางจับกุมข้อหา ฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินฯ เพื่อนำตัวไปสอบสวนที่กองปราบเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พร้อมยึดทรัพย์สินส่วนตัวจากบ้านหรูย่านบางเชือกหนัง เพื่อตรวจสอบหลักฐานเพิ่มเติม
ล่าสุด นายวีรศักดิ์ โชติวานิช อุปนายกฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศ-รองโฆษกสภาทนายความฯ ระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำนั้น อาจทำให้ลูกความที่ว่าจ้างกับทนายตั้มหรือสำนักงานนั้นเกิดความกังวลได้ จึงต้องดูหากพนักงานสอบสวนนำตัวส่งศาลเพื่อฝากขัง ศาลจะพิจารณาให้ประกันตัวหรือไม่ เพราะหากประกันได้ ก็สามารถออกมาดูแลลูกความได้ตามปกติ
ทว่าหากไม่ให้ประกันตัว ผู้ต้องหาจะต้องถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ดังนั้นหากมีการนัดกับศาลในคดีของลูกความ ทางเสมียนของทนายตั้มจะต้องส่งคำร้องศาลเลื่อนพิจารณาคดี แต่ถ้าลูกความไม่สบายใจกับการว่าจ้างต่อ ก็ต้องลองคุยเจรจาเลิกจ้างกับเจ้าตัวหรือสำนักงานเพื่อหาทนายใหม่ต่อไป ซึ่งขั้นตอนนี้สภาทนายความก็ไม่อาจก้าวล่วงได้
ส่วนประเด็นพิจารณาคดีมรรยาททนายความนั้น ทางสภาทนายความจะแยกดูเป็นคดี ๆ ไป เนื่องจากทนายความผู้ใดโดนคดีหรือถูกออกหมายจับคนละส่วนกับที่ผู้เสียหายมาร้องเรียนเรื่องมรรยาท ก็จะไม่ส่งผลอะไรต่อการพิจารณา ดังนั้นการถูกออกหมายจับดังกล่าวจะไม่มีผลการพิจารณาคดีมรรยาท ต่างกับทนายความที่ถูกศาลตัดสินคดีจนถึงที่สุด
“โดยทั่วไปแล้วในคดีที่ศาลออกหมายจับและศาลยังไม่ได้พิจารณาคนนั้นๆ กระทำผิด เพียงแต่ศาลเชื่อเหตุแห่งการออกหมายจับที่ตำรวจระบุมาเท่านั้น ทำให้ผู้ที่ถูกออกหมายจับยังไม่ใช่ผู้กระทำผิดเพราะศาลยังไม่ได้พิจารณาคดีจนถึงที่สุด อย่าลืมว่าคนที่ถูกออกหมายจับ เมื่อถึงชั้นพิจารณาตัดสินคดีแล้วก็มีการยกฟ้องได้” นายวีรศักดิ์ ระบุ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง