พล.ต.ท.จิรภพ ออกกฎเหล็ก หลัง “ทนายธรรมราชโดนตบ” เสื่อมเสียสถานที่ราชการ
ทนายธรรมราชโดนตบเพราะอะไร ฟัง จารุเวศ ผู้ก่อเหตุวัย 28 ปี เปิดใจ ด้านผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง งัดกฎเหล็กห้ามนักร้องใช้ที่แถลงข่าว หลังมีเหตุทำสถานที่ราชการเสื่อม
จากกรณีที่นายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความซึ่งเป็นที่รู้จักการคดีเชื่อมจิตได้ถูก นายจารุเวศ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ลงมือชกต่อยระหว่างแถลงข่าวที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดยหลังก่อเหตุตำรวจควบคุมตัวได้ทันควันก่อนพาเข้าห้องขังไว้เพื่อคุมตัวในเบื้องต้น
“ไม่คิดว่าสถานที่อันเป็นที่เคารพของประชาชนชาวไทย ที่บอกกองปราบปลอดภัยที่สุด จะมากล้าทำพฤติการณ์ต่ำช้าเช่นนี้ ผมมาใช้สิทธิตามกฏหมาย ต่อหน้าสื่อมวลชน กลุ่มนี้คือพวกป่าเถื่อน จากนี้ต้องสืบว่าใครเป็นคนสั่งมาสิ่งที่ผู้กระทำกับผมจะเจอต่อไปจากนี้ ขอให้เตรียมตัวไว้เลยว่าจะเจออะไรบ้าง” นายธรรมราช ทนายความกล่าวหลังเกิดเหตุถูกทำร้ายร่างกาย ทั้งที่ในวันนี้ตั้งใจนำพยานหลักฐานมอบต่อสอบสวนกลาง เพื่อให้ดำเนินคดีกับ “อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม” ในข้อหาเหยียดหยามศาสนา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 206 และข้อหานำข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มาตรา 14
ล่าสุด พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับบัญชาสูงสุดสอบสวนกลาง ออกคำสั่งเนื่องจากปัจจุบันมีบุคคลหลายกลุ่ม-หลายคณะ เข้ามาใช้สถานที่ศูนย์แจ้งความร้องทุกข์ของตำรวจสอบสวนกลางจำนวนมาก หลายครั้งเกิดเหตุการณ์รุนแรง มีการใช้กำลังส่งผลต่อภาพลักษณ์ของหน่วยงานราชการ เพื่อความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยจึงมีกฎระเบียบในการใช้สถานที่ศูนย์แจ้งความของตำรวจสอบสวนกลางด้วยกัน 4 ข้อ
- ห้ามบุคคลหรือคณะบุคคล มาใช้สถานที่ในการแถลงข่าวที่หน้าศูนย์แจ้งความตำรวจสอบสวนกลาง โดยเด็ดขาด
- หากเป็นการให้ข่าวหรือให้สัมภาษณ์ ให้ไปใช้สถานที่ด้านนอก
- ประชาชน ที่จะเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์สามารถเดินทางเข้าร้องเรียนกับพนักงานสอบสวนของตำรวจสอบสวนกลางได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านคนกลาง หรือตัวแทนเพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงซ้ำซ้อน
- ห้ามมาใช้สถานที่ถ่ายทำ ไลฟ์สด ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน หากจะถ่ายทำให้ขออนุญาตเป็นกรณี.
ทั้งนี้ในส่วนของทนายธรรมราชผู้เสียหายยืนยันจะดำเนินคดีเอาผิดผู้ก่อเหตุถึงที่สุด อ้างบุคคลที่มาทำร้ายมีทั้งหมด 3 คน ขณะที่ นายจารุเวศ มือชกนักกฎหมายให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ โดยยอมรับสาเหตุที่ทำร้ายเนื่องจากทนายธรรมราชไปโพสต์ข้อความพาดพิงศาสนา ทำให้รู้สึกไม่พอใจเพราะภรรยานับถือศาสนานี้อยู่จึงตั้งใจมาพูดคุยสอบถาม แต่อีกฝ่ายไม่ยอมตอบ จึงโมโหก่อนจะเกิดเหตุบันดาลโทสะจนวุ่นวาย
ขณะเดียวกันผู้ก่อเหตุยืนยันว่าลงมือทำร้ายร่างกายเพียงคนเดียว เพื่อนอีก 2 คนไม่ได้ร่วมก่อเหตุด้วย อย่างไรก็ดี พ.ต.อ.ภูมิรพี สังข์ทอง ผกก.(กลุ่มงานสอบสวน) บก.ป. ได้ประสานไปยังพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน เจ้าของพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อมารับตัวผู้ก่อเหตุไปดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายแล้ว.
อ่านข่าวเพิ่มเติม