ฉาวสนั่น 6 สีกากี อุ้มรีดคนจีน 300 ล้าน ช็อกในช็อก “พ.ต.ท.” หัวหน้าแก๊ง
ตำรวจจับตำรวจ 6 สีกากี อุ้มรีดเงินคนจีน สืบจนเจอตัวการใหญ่ที่แท้ “พ.ต.ท.” ระดับหัวหน้าแก๊ง ทำทีถือหมายค้น ผู้เสียหายอ่านภาษาไทยไม่อออก เห็นตราครุฑจึงยอมให้ค้นบ้าน ก่อนเจอพาขึ้นรถไปศูนย์ราชการ อาคารบี ต่อด้วยคุมตัวสอบเงียบ กก.1บก.สอท.1 สุดท้ายเหยื่อโอน 5 ล้าน แบงก์ไทยไม่พอ เปลี่ยนโอนสกุลเงินดิจิทัล สาวจนเจอผู้ร่วมขบวนการเบ็ดเสร็จ 12 ราย
สืบเนื่องจากคืนที่ผ่านมา ตำรวจสน.ทุ่งสองห้อง ทำการจับกุมตัว 7 ผู้ต้องหา โดยเป็นตำรวจ 6 นาย ข้อมูลจากเดลินิวส์ระบุว่าสังกัด บก.สอท.1 และพลเรือน 1 ราย ประกอบด้วย พ.ต.ท.ชนะชัย อายุ 41 ปี ร.ต.อ.อำนวย อายุ 42 ปี ด.ต.ชยพล อายุ 43 ปี ด.ต.พรเทพ อายุ 46 ปี ด.ต.มนัสวี อายุ 41 ปี ด.ต.สยาม อายุ 49 ปี นายธวุท อายุ 43 ปี. ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียกรับสินบน
คดีนี้ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ นายไซ สัญชาติวานูอาตู พร้อมด้วยภรรยาและคนจีนและแม่บ้านรวม 5 คน กลุ่มชายฉกรรจ์แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงเอกสารอ้างว่าเป็นหมายการเข้าค้นของศาลจังหวัดสมุทรปราการขอเข้าตรวจสอบ บ้านที่ผู้เียหายพักอาศัยในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านบางนา ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี
ผู้เสียหายและคนในบ้านไม่สามารถอ่านและเขียนภาษาไทยเห็นแต่เอกสารมีตราครุฑ จึงยินยอมให้เข้าค้นบ้านพักอาศัยหลังดังกล่าว
ในการเข้าตรวจค้น ผู้ต้องหากับพวกใช้โทรศัพท์มือถือเปิดพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด โดยอ้างว่ามีผู้ต้องหาฟิลิปปินส์ 4 ราย หนึ่งในนั้นซัดทอดว่า “นายไซ” หรือ MR.SAI มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปลอมหนังสือเดินทางซึ่งถูกจับและถูกดำเนินคดีต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ไปแล้ว แม้หยื่อยืนกรานปฏิเสธ โดยการเข้าค้นครั้งนี้ผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมีจำนวน 8 นาย และมีล่ามแปลภาษาจีนชื่อนางสาวอภัสรา ซ่อนกลิ่น ชื่อเล่น “ทราย” กับสามีชาวจีนของล่ามชื่อนายหยุน ต้าเหลียง หรือ MR.YUN DALIANG รวมเป็น 10 คน
กลุ่มผู้ต้องหาได้ทำการยึดโทรศัพท์มือถือของทุกคนในบ้าน และเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง เพื่อไปตรวจสอบ ต่อมาหัวหน้าชุดจับกุมได้แจ้งกับนายไซ ว่าการจ้างแม่บ้านซึ่งเป็นชาวต่างชาติ อยู่ในบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นอาจต้องถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายอีกกระทง 1 ด้วย ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวเพราะไม่ทราบข้อกฎหมายของไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังทำการข่มขู่กรรโชกทรัพย์ผู้เสียหาย โดยได้ให้น.ส.อภัสรา สื่อสารเรียกรับเงิน 300 ล้านบาท หรือ เงินสกุลดิจิทัล จำนวน 10 ล้าน USDT เพื่อแลกกับการจบคดีและไม่ถูกดำเนินคดี
อย่างไรก็ดีผู้เสียหายแจ้งว่าไม่มีเงินสกุลไทยมากขนาดนั้น และไม่มีความผิดหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่ชุดจับกุมกล่าวอ้าง จึงไม่ตกลงด้วย ชุดจับกุมดังกล่าวจึงควบคุมตัวนายไซ พร้อมภรรยา และเพื่อนชาวจีนชื่อเหวินและแม่บ้าน ขึ้นรถเดินทางมาที่ศูนย์ราชการ อาคารบี
ต่อมา นายไซ ผู้เสียหายและภรรยาถูกคุมตัวไปยัง “กก.1บก.สอท.1” มีการห้ามไม่ให้เพื่อนคนจีนและแม่บ้านเข้าไป มีเพียงนายไซกับภรรยาที่ถูกสอบ และระหว่างที่สอบปากคำมีกลุ่มผู้ต้องหาอยู่ในบริเวณนั้นทั้งหมด พร้อมกับน.ส.อภัสรา และนายหยุน ต้าเหลียง โดยได้มีการพูดคุยระหว่างเจ้าหน้าที่เพื่อต่อรองเรียกเงินกับนายไซ จนท้ายที่สุดอีกฝ่ายยอมโอนเงิน 5 ล้านบาท มีเงินสกุลไทยไม่พอจึงเป็นสกุลเงินดิจิทัล เข้ากระเป๋าดิจิทัลวอลเล็ทของ “นางสาวอภัสรา”
จากนั้น 17 ต.ค.67 เวลาประมาณ 13.00 น. นางสาวอภัสราประสานกับเพื่อนชาวจีนชื่อ “นายเหวิน” สนทนาผ่านเทเลแกรมของนายไซซึ่งขณะนั้นมือถืออยู่ที่นายเหวิน อ้างว่าหากอยากรู้ว่าใครเป็นคนแจ้งให้ชุดจับกุมไปจับตัว ให้นายไซโอนเงินเพิ่มเติมอีก 700,000 บ. ซึ่งเหยื่อหลงเชื่อจึงโอนเงินดิจิทัลเข้ากระเป๋า น.ส.อภัสรา เวลา 13.39 น. จำนวน 20,895 UDST
สุดท้ายเมื่อแน่ใจแล้ว่าถูกกลุ่มผู้ต้องหากรรโชกทรัพย์ จึงมอบอำนาจให้ทนายความเข้าร้องเรียนประสานกับเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.สอท.1 โดยรายงานข่าวล่าสุดนั้นจากการสอบปากคำผู้เสียหายและรวบรวมพยานหลักฐานของทางชุดสืบสวนตำรวจนครบาลและตำรวจไซเบอร์ ทำให้ทราบว่าคดีนี้มีผู้ก่อเหตุ 12 คน
เบื้องต้นทางร.ต.อ.ธนกฤต, ด.ต.สุพรรณ และจ.ส.ต.กิตติภูมิ เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน ส่วน พ.ต.ท.ชนะชัย, ร.ต.อ.อำนวย, ด.ต.ชยพล, ด.ต.พรเทพ, ด.ต.มนัสวี, ด.ต.สยาม และนายธวุท ถูกจับกุมได้
ทั้งนี้ ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างติดตามตัว “น.ส.อภัสรา” และ “นายหยุน” มาดำเนินคดีต่อไป.
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เตรียมไล่ออก 9 ตำรวจ รีดเงินคนจีน แลกปล่อยตัว ค้นกงสุลนาอูรู
- ลุ้นตำรวจเก๊มั้ย รีดเงินชาวจีน 7 แสน หลังคลิปตัดจบ ยังไม่รู้ชะตากรรม
- อดีตอธิบดี DSI เข้าให้ปากคำปม กงสุลนาอูรู จ่อออกหมายจับเจ้าหน้าที่ DSI 3 นาย