อัจฉริยะ เผยรอลุ้นหมายจับ มั่นใจทนายดัง มีสิทธิได้ไปอยู่กับ “บอสพอล”
ถึงจับมือหย่าศึก 6 ปี แต่ผิดถูกต้องว่าตามข้อเท็จจริง อัจฉริยะ เดินหน้าออกรายการ ซัดกรณี ทนายตั้ม เสี่ยงเดินตามรอยบอสพอล ดิไอคอนกรุ๊ป ได้สิทธิอยู่ในเรือนจำในฐานะผู้ต้องหา เชื่อออกหมายจับเร็วนี้ หลังถูกแฉเบื้องหลัง “ทนายเสน่หา 71 ล้าน”
เรียกว่าวันนี้ (30 ต.ค.) เดินหน้าให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องของทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ตั้งแต่เช้าจนเกือบเย็นของจริง สำหรับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ที่หลังจากไปเปรย ๆ โดยให้ข้อมูลยืนยันว่าทนายตั้มหรือนายษิทรา ชื่อเดิมคือ “ณัฐวุฒิ เบี้ยบังเกิด” เคยมีคดีพรากผู้เยาว์ร่วมกับบผู้ต้องหาอีก 3 ราย พร้อมกับประกาศให้ทุกคนเตรียมไปรับฟังและรอดูข้อมูลที่จะจัดเต็มในตอนบ่ายผ่านรายการเรื่องใหญ่รายวัน ทางช่อง One31
โดยล่าสุดนายอัจฉริยะก็มาตามนัดและได้เปิดประเด็นร้อนตาที่อ้างไว้ทั้งหมดต่อหน้า อ๊อฟ ชัยนนท์ ผู้ดำเนินรายการ เริ่มจากกรณีคดีความพรากผู้เยาว์ที่ในรายการมีการเปิดแฟ้มซึ่งเป็นสำเนาเอกสารของกองทะเบียนประวัติอาชญากร หมายเลขบัญชีประวัติ : 610077981 ซึ่งได้ตรวจสอบตามสารบบพิมพ์ลายนิ้วมือแล้ว ปรากฎว่าผู้นี้มีประวัติเก็บอยู่ในสารบบพิมพ์และฐานข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ของกองทะเบียนฯ
รายการที่ 1 ชื่อ-นามสกุล XXX ส่วนราชการ สภ.กระทุ่มแบน ภ.จว.สมุทรสาคร ถูกจับกุมพิม์นิ้วมือ 25 กรกฎาคม 2543 ข้อหา “พรากผูเยาว์”
ทั้งนี้หลักฐานดังกล่าว มีการตรวจสอบแล้วพบเป็นชื่อเดิมของทนายตั้มที่ใช้ชื่อว่า “ณัฐวุฒิ” ก่อนเปลี่ยนมาเป็นนายษิทราในปัจจุบัน
ในส่วนของคดีความที่เกิดนั้น ย้อนกลับไปนายอัจฉริยะระบุ นายษิทรายังไม่ได้เป็นทนายความและคดีดังกล่าวได้เข้ามอบตัวแล้วอัยการสั่งไม่ฟ้อง จากนั้นมี พ.ร.บ. ล้างมลทินทำให้ประวัติจึงถูกลบออกไปกระทั่งได้ตั๋วทนายตอนปี 47
นายอัจฉริยะยังมองกรณีทนายความคนดังเผชิญกับมรสุมรอบด้านอยู่ในเวลานี้ โดยยังเชื่อว่าต่อไปข้างหน้าจะยังมีผู้เสียหายที่ทั้งถูกเรียกเงินจำนวนมากจากการทำคดี บางรายไปหลอกเขาว่าจะช่วยคดีได้นู่นนี่นั่นแล้วปรากฏช่วยไม่ได้ผู้ต้องหาต้องติดคุกเป็นเวลาหลายปี ออกมาเปิดโปงเรื่องต่าง ๆ อีก และตอนจบสุดท้ายบุคคลคนนี้ก็ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ในคดีเกี่ยวกับฉ้อโกง ตนให้กำลังใจได้เพียงแค่ว่า อาจจะได้เข้าไปอยู่กับ “บอสพอล” ในเรือนจำ
“ผมไม่ต้องแฉอยู่แล้วเพราะโดยธรรมชาติ คู่กรณีพร้อมเดินหน้าออกมาเปิดโปงเองและยังมีอีกจำนวนมาก ภาพในสังคมมองเป็นนักบุญ แต่จริงๆ ไม่ใช่ เป็นคนบาป กระบวนการเหล่านี้อ้างเป็นทนายประชาน เซเลบฯ อะไรเหล่านี้ทุกอย่างไม่ฟรี เก็บตังค์หมด อ้างว่าค่าวิชาชีพทั้ง ๆ ที่ชาวบ้านมีควาทุกข์ เวลาจะโทรหาสภาทนายความก็ไม่ทราบช่องทางติดต่อ เสร็จแล้วชาวบ้านโทรไปปรึกษาทีเสีย 5 พันบ้าง 3 พันบ้าง ปรึกษาไม่ถึง 15 นาทีเก็บเรตดังกล่าว” นายอัจฉริยะทิ้งท้ายพร้อมย้ำไม่มีใครรู้จักกับทนายคนดังรายนี้ดีที่สุดเท่าตนแน่นอน
ทั้งนี้ ในส่วนของสภาทนายความ เมื่อ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ กล่าวถึงกรณีดำเนินคดีมรรยาททนายโซเชียล หรือทนายหิวแสง ต่อสื่อมวลชนว่าได้ประสานความร่วมมือกับประธานกรรมการมรรยาท สภาทนายความ เพื่อตรวจสอบเอาผิดทนายความที่ประพฤติผิดมรรยาทอย่างจริงจังแล้ว
หากทนายความคนใดได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการยักยอก ฉ้อโกง หรือตระบัดสินลูกความ หรือประกอบอาชีพ ดำเนิน หรือประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ ถือว่าเป็นเหตุที่จะทำการลบชื่อจากทะเบียนทนายความได้
รวมถึงการเสี้ยมสอนให้พยานเบิกความเท็จ หรือทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ การอวดอ้างว่าตนเองเก่งกว่าทนายคนอื่น หรือ อวดอ้างว่ามีพรรคพวกรู้จักคุ้นเคยกับผู้ใดอันกระทำให้ลูกความหลงเชื่อว่าตนสามารถทำให้ลูกความได้รับประโยชน์พิเศษนอกจากทางว่าความ หรือจะชักจูงใจผู้นั้นช่วยเหลือทางคดีได้ หรือแอบอ้างขู่ว่าถ้าไม่ให้ตนทำคดีนั้นแล้วจะหาทางให้ผู้นั้นทำให้คดีลูกความแพ้ หรือการเรียกรับเงินไปวิ่งเต้นคดี การแย่งคดี หรือจงใจขาดนัดหรือทอดทิ้งคดี เป็นต้น ล้วนแต่เป็นการประพฤติผิดมรรยาททั้งสิ้น.
ขอบคุณคลิป : รายการเรืองใหญ่รายวัน สำนักข่าววันนิวส์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- อัจฉริยะ แถลงปมทนายดัง เคยเจอคดีพรากผู้เยาว์เป็นเรื่องจริง
- ทนายตั้ม ส่งข้อความแจง หนึ่ง บางปู เรื่องเงิน 10 ล้าน ปมบิ๊กตร. ยังเงียบ
- พีคได้อีก หนึ่งบางปู เล่าปมจ่าย ทนายตั้ม 10 ล้าน ก่อนเจอ รุ่งนภา เพื่อนรักแฉบ้าง