ข่าวภูมิภาค

แจ้งความแล้ว! หลังรถขนส่งเบียร์เทกระจาด ถูกเก็บเกลี้ยงกว่า 8 หมื่นกระป๋อง

ภูเก็ต – ตัวแทนบริษัทโลจิสติกเข้าแจ้งความแล้วหลังรถขนส่งเบียร์เกิดอุบัติเหตุเทกระจาด ถูกเก็บเกลี้ยงกว่า 8 หมื่นกระป๋อง เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “มานะ สมบัติ” ได้โพสต์ภาพนิ่งพร้อมวีดิโอคลิปลงในกลุ่ม “เหตุด่วนเหตุร้าย ร่วมด้วยช่วยกัน ภูเก็ต” พร้อมข้อความระบุว่า “ดูมันทำ..พิกัดทางเข้าซอยกิ่งแก้ว..(วันนี้คนบริเวณนั้นเมาตั้งแต่เช้า..) เผลอๆยันรุ่งคืนนี้”

Advertisements

ทั้งนี้ในภาพดังกล่าว เป็นภาพของกระป๋องเครื่องดื่มจำนวนมากที่กระจายอยู่บนพื้นถนนหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง และมีผู้คนจำนวนมากกำลังเก็บ ขณะที่ผู้ถ่ายพยายามบอกว่าผู้ที่เก็บกำลังมีความผิดตามกฏหมาย หลังมีการโพสต์ได้มีการเข้าไปแสดงความเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ด่าทอว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมเป็นการกระทำความผิด และเป็นการซ้ำเติมผู้ประสบเหตุ

จากการตรวจสอบภาพดังกล่าวทราบว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น.บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่นอิเลฟเว่น ปากซอยกิ่งแก้ว ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต หลังจากที่รถเทรลเลอร์บรรทุกสินค้าของบริษัท ศิริมงคล โลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งมีนาย สมพร พริ้มจรัส 58 ปี เป็นคนขับ ได้บรรทุกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อลีโอ จำนวนกว่า 3,600 แพ็ก หรือ ประมาณ 86,400 กระป๋อง เพื่อมาส่งให้กับบริษัทภูเก็ต สิวลี จำกัด ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 1 กม.

โดยได้เกิดอุบัติเหตุเสียหลักขณะเข้าโค้ง ในช่วงเวลาประมาณ05.20 น.วันนี้( 11 ม.ค.62) ส่งผลให้เครื่องดื่มเทกระจาดลงจากรถ มากและมีทรัพย์สินประชาชน ซึ่งเป็นรถซาเล้งซึ่งจอดอยู่ริมถนนได้รับความเสียหาย 3 คัน รวมถึงป้ายต่างๆ ก่อนที่ในช่วงเช้าจะมีประชาชนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวมาเก็บ ถึงแม้จะมีบางส่วนห้ามปรามแต่ก็ยังมีการเก็บนำกลับบ้าน

สอบถาม นางบังอร รัตนไพนิล อายุ 52 ปี เจ้าของร้านส้มตำไก่ย่างซึ่งอยู่ข้างร้านสะดวกซื้อ กล่าวว่าตนเองไม่เห็นเหตุการณ์เพราะเดินทางมาในเวลา 08.00น.แล้วแต่ทราบว่า เกิดเหตุตั้งแต่เวลาประมาณ ตี 5และและตอนที่เดินทางมาถึงก็มีเพียงขยะที่กระจุยกระจาย ทั้งนี้ทรัพย์สินของตนเองก็ได้รับความเสียหายเล็กน้อย เป็นป้ายไวนิลโฆษณาเล็กๆของร้าน

ทั้งนี้เคราะห์ดีที่ช่วงเวลาเกิดเหตุรถเสียหลักไม่มีผู้ใดอยู่เพราะปกติจะมีคนมารอใส่บาตรพระจำนวนมาก ส่วนเรื่องที่หลังเกิดเหตุมีการขนกระป๋องเครื่องดื่มไปนั้นตนเองไม่ขอแสดงความเห็นเนื่องจากไม่เห็นเหตุการณ์แต่คิดว่าไม่ควรทำ

Advertisements

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวแยกเป็นสองส่วน คืออุบัติเหตุ และลักทรัพย์ คดีอุบัติเหตุนั้นพนักงานสอบสวนคดีจราจรก็จะต้องสอบสวนความผิดตามกฏหมายเนื่องจากมีความเสียหายต่อทรัพย์สินคือรถซาเล้งของร้านค้า 3 คันที่เสียหาย อีกส่วนคือกลุ่มผู้ที่ไปเก็บกระป๋องเครื่องดื่ม ซึ่งเข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์ ซึ่งรอให้ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งมาแจ้งความดำเนินคดี

ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จำเร่งสอบสวนสืบสวน ซึ่งเป็นคดีที่ไม่ยากมีคลิปมีภาพมากพอสมควร ซึ่งหากผู้ที่เอาไปประสงค์จะเอามาคืน ก็ยังมีความผิดเนื่องจากเป็นความผิดสำเร็จแต่อาจจะเป็นข้อลดหย่อนความผิดในชั้นศาลได้

ทั้งนี้อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนกรณีเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่ควรไปเก็บทรัพย์สินเนื่องจากมีความผิดฐานลักทรัพย์ แต่หากเป็นกรณีที่เจ้าของมอบให้ หรือช่วยเก็บทรัพย์สินแล้วเขามอบให้เป็นน้ำใจนั้นจะดีกว่า แต่ไม่ควรเก็บไปโดยวิสาสะ

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น.ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจ ของบริษัท ศิริมงคล โลจิสติกส์ จำกัด และนาย สมพร พริ้มจรัส 58 ปี เป็นคนขับ เข้าพบ พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต และ พ.ต.ท.ทักษิณ ภิญโญเทพประทาน สารวัตรสอบสวนสภ.เมืองภูเก็ต และเพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามกฏหมาย ในข้อหา “ลักทรัพย์ฯ”

โดย นาย สมพร คนขับรถ เปิดเผยว่าตนเอง เมื่อเวลาประมาณ 05.20 น.ได้ขับรถมาด้วยความเร็วประมาณ 40กม./ ชม.ตามปกติ เมื่อมาถึงจุดดังกล่าว เป็นทางโค้ง ได้ชะลอความเร็วแต่ของบนรถได้เทน้ำหนักจนเชือกขาดและร่วงลงบนพื้น หลังเกิดเหตุได้พยายามห้ามปรามผู้คนไม่ให้เก็บกระป๋องเบียร์แต่ไม่สนใจจึงได้แต่ยืนดู ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ง่วงหรือหลับใน เนื่องจากได้พักนอนหลับที่จ.พังงา มาแล้ว

อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวเลขความเสียหายนั้น เบื้องต้น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อลีโอที่บรรทุกมาทั้งหมดจำนวนกว่า 3,600 แพ็ก หรือ ประมาณ 86,400 กระป๋อง เทกระจาดลงจากรถ จำนวน กว่า 3,300 ถาดหรือประมาณ 79,200 กระป๋อง เหลือบนรถ 300 ถาด หรือประมาณ 7,200 กระป๋อง

แต่หลังจากที่มีประชาชนมาเก็บที่ตกหล่น และบางส่วนยังเก็บส่วนที่อยู่บนรถไปอีก ทำให้เหลืออยู่ประมาณ 200 กว่าถาด ประมาณ 4,800กระป๋อง รวมสูญหายไปทั้งหมด 3,400 แพ็กหรือประมาณ 81,600 กระป๋อง รวมความเสียหายเบื้องต้นกว่า 2ล้านบาท โดยประมาณ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button