กรมป่าไม้ ตอบแล้ว “ไร่เชิญตะวัน” ว.วชิรเมธี ไม่พบกับบุกรุกพื้นที่
กรมป่าไม้แถลงผลการตรวจสอบที่ดิน 3 แปลง ของ “ไร่เชิญตะวัน” จ.เชียงราย ว.วชิรเมธี ยืนยันใช้พื้นที่ตรงตามที่ขออนุญาต ติดป้ายประกาศ ฝังหลักเขตชัดเจน
จากกรณี กรมป่าไม้ เตรียมแถลงผลตรวจสอบ ไร้เชิญตะวัน ของ พระว.วชิรเมธี จ.เชียงราย ปมเข้าข่ายใช้พื้นที่ในป่าสงวนแห่งชาติดอยปุย จ.เชียงรายเกินกว่าที่ขอใช้ประโยชน์หรือไม่ ล่าสุด ยืนยันตรวจสอบพื้นที่แล้ว ไม่พบการบุกรุกพื้นที่เพิ่มจากการขออนุญาต
นายบรรณรักษ์ เสริมทอง รองอธิบดีกรมป่าไม้ ในฐานะโฆษกกรมป่าไม้ กล่าวว่า จากกรณีที่สาธารณชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจและติดตามข่าวการอนุญาตใช้ประโยชน์และอยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยปุย จ.เชียงราย ของมูลนิธิวิมุตตยาลัยและศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวัน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ โดยในเบื้องต้นกรมป่าไม้ขอเรียนชี้แจงว่ากรมป่าไม้ได้อนุญาตให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและมูลนิธิวิมุตตยาลัยให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 3 แปลง ได้แก่
1. แปลงที่ 1 เนื้อที่ 113 ไร่ 1 งาน 82 ตารางวา โดยมูลนิธิวิมุตตยาลัยได้รับการอนุญาตจากกรมป่าไม้ เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2566 เพื่อใช้เป็นสถานที่ตั้งมหาวิชชาลัยพุทธเศรษฐศาสตร์ ธรรมสมโภช 750 ปี รัตนบุรีเชียงราย โรงเรียนชาวนาพุทธเศรษฐศาสตร์ และเพื่อใช้เป็นสถานที่วิปัสสนากรรมฐาน
2. แปลงที่ 2 เนื้อที่ 14 ไร่ 3 งาน 97 ตารางวา โดยได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2566 เพื่อเป็นสถานที่จัดตั้งวัดไร่เชิญตะวัน
3. แปลงที่ 3 เนื้อที่ 11 ไร่ 3 งาน 01 ตารางวา อนุญาตให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อสร้างศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2566
ทั้งนี้ โฆษกกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่าอธิบดีกรมป่าไม้ได้สั่งการให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบการใช้ประโยชน์ของศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวัน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 ต.ค. โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่มูลนิธิวิมุตตยาลัย เข้าร่วมตรวจสอบพื้นที่ จำนวน 3 แปลง โดยได้รับรายงานจากการตรวจสอบพื้นที่ตามขอบเขตแปลงโดยใช้เครื่องตรวจวัดหาค่าพิกัดจากดาวเทียม (GPS) ปรากฏว่า
- แปลงที่ 1 ได้เนื้อที่ประมาณ 113 ไร่ 1 งาน 70 ตารางวา
- แปลงที่ 2 เนื้อที่ประมาณ 14 ไร่ 3 งาน 90 ตารางวา
- แปลงที่ 3 เนื้อที่ประมาณ 11 ไร่ 2 งาน 55 ตารางวา
ซึ่งพื้นที่ทั้ง 3 แปลงที่เข้าตรวจสอบได้ใช้ประโยชน์ตามพื้นที่ที่กรมป่าไม้ได้อนุญาต โดยคณะเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันตรวจสอบได้ลงความเห็นว่า มูลนิธิวิมุตตยาลัยและสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดเชียงรายได้ครอบครองใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติที่อยู่ในขอบเขตตามหนังสือที่ได้รับอนุญาต
นอกจากนี้ คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจสอบบริเวณพื้นที่ขออนุญาตได้ติดป้ายประกาศกรมป่าไม้อนุญาตให้สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติเข้าทำประโยชน์ป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยปุย ท้องที่ตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย แห่งนี้ตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติแล้ว เพื่อสร้างศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวันและป้ายประกาศกรมป่าไม้
อนุญาตให้สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติเข้าทำประโยชน์ป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยปุย ท้องที่ตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย แห่งนี้ตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติแล้ว เพื่อเป็นสถานที่จัดตั้งวัดไร่เชิญตะวัน และป้ายประกาศกรมป่าไม้
อนุญาตให้มูลนิธิวิมุตตยาลัยเข้าทำประโยชน์ป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยปุย ท้องที่ตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย แห่งนี้ตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติแล้ว เพื่อสร้างเป็นสถานที่ตั้งมหาลัยวิชชาลัยพุทธเศรษฐศาสตร์ ธรรมสมโภช 750 ปี รัตนบุรีเชียงราย โรงเรียนชาวนาพุทธเศรษฐศาสตร์ และเพื่อขอใช้เป็นสถานที่วิปัสสนากรรมฐาน และได้มีการฝังหลักเขตบริเวณรอบแปลงแสดงแนวเขตพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต
สรุปได้ว่า กรมป่าไม้ยืนยันแล้วว่า ไร่เชิญตะวัน ของ พระ ว.วชิรเมธี ไม่ได้บุกรุก พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติดอยปุย จ.เชียงราย เพิ่มเติมจากที่ได้รับอนุญาต
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง