การเงินเศรษฐกิจ

ธ.กรุงไทย ลดดอกเบี้ยเงินกู้ ช่วยกลุ่มเปราะบาง เริ่ม 1 พ.ย. นี้

ธนาคารกรุงไทย ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ขานรับนโยบายรัฐ พร้อมขยายเวลาช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง มีผล 1 พ.ย. 67 ถึง 31 มี.ค. 2568

วันที่ 22 ต.ค. 2567 ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ประกาศ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MOR, MLR และ MRR ลง 0.125% – 0.250% ต่อปี มีผล 1 พ.ย. 2567 พร้อมขยายมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง 3 กลุ่ม ได้แก่ ลูกค้าสินเชื่อบุคคลรายย่อย ลูกค้าสินเชื่อบ้านวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท และผู้ประกอบการ SME รายย่อย ถึง 31 มี.ค. 68 เพื่อช่วยลดภาระทางการเงิน และสนับสนุนการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยมีรายละเอียด ดังนี้

Advertisements

จากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจาก 2.50% เป็น 2.25% ต่อปี นั้น เพื่อให้เป็นไปตามกลไกของตลาด สอดคล้องกับบริบทของประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนในระดับที่สูงและเศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่ต่ำธนาคารกรุงไทยจึงได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MOR ลง 0.250% ต่อปี MLR และ MRR ลง 0.125% ต่อปี ตามรายละเอียด ดังนี้

-อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลดลงจากปัจจุบัน 7.520% ต่อปี เป็น 7.270% ต่อปี

-อัตราดอกเบี้ยเงินลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับลดลงจากปัจจุบัน 7.050% ต่อปี เป็น 6.925% ต่อปี

-อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับลดลงจากปัจจุบัน 7.570% ต่อปี เป็น 7.445% ต่อปี

ธนาคารกรุงไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MOR, MLR และ MRR ลง 0.125% - 0.250% ต่อปี มีผล 1 พ.ย. 67
ภาพจาก krungthai.com

โดยให้มีผลในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป ขณะนี้ยังไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากแต่อย่างใด
สำหรับมาตรการพิเศษในการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง 3 กลุ่ม ได้แก่

Advertisements

1.ลูกค้าสินเชื่อบุคคลรายย่อยที่ยังอยู่ในมาตรการความช่วยเหลือของธนาคารฯ ทั้งสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อส่วนบุคคล

2.ลูกค้าสินเชื่อบ้านที่มีวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท

3.ลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ SME รายย่อยที่มีรายได้กิจการต่อเดือนไม่เกิน 2 ล้านบาทและมีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 นั้น เนื่องจากลูกหนี้กลุ่มเปราะบางดังกล่าว ยังอยู่ระหว่างการฟื้นตัวและปรับตัวได้ช้า ตั้งแต่สถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ซึ่งลูกหนี้กลุ่มเปราะบางเหล่านี้อาจมีระดับหนี้ที่สูง ความสามารถในการมีรายได้ในระดับที่ยังไม่เพียงพอกับรายจ่ายอย่างเหมาะสม และยังอยู่ระหว่างที่ภาครัฐกำลังเร่งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ธนาคารจึงยังมีการต่ออายุมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมดังกล่าวต่อเนื่องออกไปอีกจนถึง 31 มีนาคม 2568

ทั้งนี้ จากมาตรการดังกล่าว ธนาคารสามารถช่วยลดภาระทางการเงินให้กับลูกค้าได้มากกว่า 3 แสนบัญชี ต่อเนื่องออกไปอีก คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวมมากกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้อัตโนมัติสำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบางทั้ง 3 กลุ่มที่มียอดสินเชื่อกับธนาคาร ณ 31 มีนาคม 2567 ทั้งนี้ ธนาคารให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มให้สามารถปรับตัวและฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน เดินหน้าขับเคลื่อนการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ภายใต้ “โครงการรวมหนี้ข้าราชการยั่งยืน” โดยร่วมมือกับกระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ สหกรณ์ข้าราชการสหกรณ์จำกัด ฯลฯ และอยู่ระหว่างขยายความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ

เพิ่มเติมล่าสุด ได้ออกมาตรการทางการเงิน เพื่อลดภาระให้กับผู้ประสบอุทกภัยในหลายพื้นที่ ตามแนวทางการแก้หนี้ยั่งยืน และแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย และเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่มีทั้งมาตรการระยะสั้นรองรับการเปลี่ยนผ่านและมาตรการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะกลางและระยะยาว เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันและการสร้างรายได้ที่พอเพียงและยั่งยืน

อ้างอิง: ธนาคารกรุงไทย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

New Nidhikant

จบการศึกษาคณะอักษรศาสตร์ เอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร นักเขียนสายมูเตลู และนักอ่านไพ่ทาโรต์ โหราศาสตร์ มีความสนใจด้านข่าวการเมือง ศิลปะวัฒนธรรม แฟชั่น และสายดูดวงมูเตลู งานเขียนเน้นเนื้อหาที่เข้าใจง่าย อ่านสนุก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button