ลูกจ้าง สพฐ. ถูกเปลี่ยน ‘จ้างเหมาบริการ’ ไม่มีสมทบประกันสังคม เตรียมโร่ร้องสิทธิ
เพจดัง วอนให้เห็นใจ ลูกจ้าง สพฐ. ถูกเปลี่ยนสถานะเป็น ‘จ้างเหมาบริการ’ ไม่มีจัดสรรงบสมทบประกันสังคม สวัสดิการไร้ความเป็นธรรม เตรียมโร่เรียกร้องสิทธิ
วันที่ 24 ตุลาคม 2567 เพจร้องทุกข์แห่งเฟซบุ๊ก บิ๊กเกรียน ที่มีผู้ติดตามกว่า 2.4 แสนคน ได้ออกมาโพสต์ข้อความร้องทุกข์ จากบุคลากร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ความว่า “บิ๊กเกรียน อยากให้เห็นใจ หันมาดูลูกจ้าง สพฐ. หน่อยค่ะ #เตรียมรวมตัวเรียกร้องสิทธิ์!!!”
เรื่องราวไม่เป็นธรรมในครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นจากเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2567 ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ออกหนังสือจัดสรร ลงวันที่ 10 กันยายน 2567 แจ้งการจัดสรรอัตราผู้ปฏิบัติงานราชการให้เป็นในรูปแบบเดิม ก่อนที่ต่อมาในวันที่ 24 กันยายน 2567 สพฐ. ได้ร่อนหนังสือฉบับใหม่ แจ้งยกเลิกหนังสือฉบับวันที่ 10 กันยายน 2567 เปลี่ยนแปลงการจ้างลูกจ้างทุกประเภท เป็นจ้างเหมาบริการ
ในที่นี้หมายความว่าจะไม่มีการจัดสรรเงินสมทบประกันสังคม จำนวน 400 ล้านบาท พร้อมอ้างเหตุผลว่า ทำการเจียดจ่ายงบส่วนนี้มาผิดวิธีตลอด ดังนั้นจึงทำให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาที่ลูกจ้างของ สพฐ. จะต้องแบกรับ เนื่องจากผู้มีหน้าที่จัดสรรต้องทำให้ถูกต้องชัดเจนตั้งแต่แรก
ด้วยเหตุนี้ ทางบุคลากรทั้งหลายจึงได้ดำเนินการปรึกษากรมแรงงาน และผู้รู้หลายส่วนถึงการปรับการจ้างรูปแบบใหม่ที่การกระทำอย่างไม่ถูกต้อง และเพื่อต้องการเรียกร้องสิทธิเงินประกันสังคมกลับคืนมา เพื่อเงินสมทบชราภาพ ที่จะมีสิทธิเบิกได้เมื่ออายุครบ 55 ปี
นอกจากนั้น ทางเพจดังยังได้เปิดผลเสียที่จะเกิดขึ้นจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจ้างเป็นจ้างเหมาบริการ ดังนี้
1. ลางานไม่ได้ (จะต้องหักเงิน) เพราะการจ้างเหมาบริการ ยึดตามระเบียบพัสดุ คือการจ้างทำของ
2. กระทบเงินประกันสังคม เงินสมทบชราภาพ
3. เงินเดือนจากปกติที่เคยออกตามวันของข้าราชการทั่วไป จะออกวันที่ 10 ของเดือนถัดไป ซึ่งส่วนใหญ่จะมีหนี้สิน การหักเงินก็จะไม่เป็นไปตามระบบเดิม สร้างความเดือดร้อนให้มีหนี้สินเพิ่ม
4. กระทบสวัสดิการลาคลอด และการรักษาพยาบาล
อย่างไรก็ดี ทางเพจบิ๊กเกรียนได้รายงานเพิ่มเติมไว้ว่า บุคลากรทั้งหมดเตรียมจะไปเรียกร้องที่หน้ากระทรวงตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมาแล้ว แต่ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้ชะลอ โดยจะหาทางแก้ไขปัญหาให้ แต่จนขณะนี้เวลาล่วงเลยจะถึงสิ้นเดือนแล้ว ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง