ลูกค้า ธนาคารกรุงไทย ได้เฮ ได้ปรับลดอัตรดอกเบี้ยเงินกู้ MOR 0.250 เปอร์เซ็นต์ต่อปี MRR ลง 0.125 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
สืนเนื่องจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ได้ปรับลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจาก 2.50% เป็น 2.25% ต่อปี นั้น เพื่อให้เป็นไปตามกลไลตลาด และเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับที่สูง ประกอบกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่ต่ำ ธนาคารกรุงไทยจึงได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MOR ลง 0.250% ต่อปี และ MRR ลง 0.125 % ต่อปี โดยมีรายละเอียดดังนี้
- อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลดลงจากปัจจุบัน 7.520% ต่อปี เป็น 7.270% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยสำหรัยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับลดลงจากปัจจุบัน 7.050% ต่อปี เป็น 6.925% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับลดลงจากปัจจุบัน 7.570% ต่อปี เป็น 7.445% ต่อปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป ขณะนี้ยังไม่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากแต่อย่างใด
สำหรับมาตรการพิเศษในการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง 3 กลุ่ม ได้แก่
1.ลูกค้าสินเชื่อบุคคลรายย่อยที่ยังอยู่ในมาตรการความช่วยเหลือของธนาคารฯ ทั้งสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อส่วนบุคคล
2.ลูกค้าสินเชื่อบ้านที่มีวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท
3.ลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ SME รายย่อยที่มีรายได้กิจการต่อเดือนไม่เกิน 2 ล้านบาท และมีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 นั้น เนื่องจากลูกหนี้กลุ่มเปราะบางดังกล่าว ยังอยู่ระหว่างการฟื้นตัวและปรับตัวได้ช้า ตั้งแต่สถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ซึ่งลูกหนี้กลุ่มเปราะบางเหล่านี้อาจมีระดับหนี้ที่สูง ความสามารถในการมีรายได้ในระดับที่ยังไม่เพียงพอกับรายจ่ายอย่างเหมาะสม และยังอยู่ระหว่างที่ภาครัฐกำลังเร่งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ อนาคารจึงยังมีการต่ออายุมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมต่อเนื่องออกไปอีกจนถึง 31 มีนาคม 2568
ทั้งนี้จากมาตรการดังกล่าว ธนาคารสามารถช่วยลดภาระทางการเงินให้กับลูกค้าได้มากกว่า 3 แสนบัญชี ต่อเนื่องออกไปอีก คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวมมากกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อัตโนมัติสำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบางทั้ง 3 กลุ่มที่มียอดสินเชื่อกับธนาคาร ณ 31 มีนาคม 2567 ทั้งนี้ ธนาคารให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มให้สามารถปรับตัวและฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน ยังเดินหน้าขับเคลื่อนการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ภายใต้ “โครงการ รวมหนี้ข้าราชการยั่งยืน” โดยร่วมมือกับกระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ สหกรณ์ข้าราชการสหกรณ์จำกัด ฯลฯ และอยู่ระหว่างขยายความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ เพิ่มเติม
ล่าสุด ได้มีการออกมาตรการทางการเงิน เพื่อลดภาระให้กับผู้ประสบอุทกภันในหลายพื้นที่ ตามแนวทางการแก้หนี้ยั่งยืน และแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย และเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่มีทั้งมาตรการระยะสั้นรองรับการเปลี่ยนผ่านและมาตรการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะกลางและระยะยาว เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันและการสร้างรายได้ที่พอเพียงและยั่งยืน
อ้างอิง : Krungthai Care
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง