อาจารย์เจษฎ์ ตอบแล้ว พกแบตเตอรี่ขึ้นลิฟต์ เสี่ยงระเบิดจริงไหม
‘อาจารย์เจษฎา’ แจงคลิปไวรัล ถือแบตเตอรี่เข้าลิฟต์จนเกิดเหตุระเบิด เป็นข่าวปลอม! ชี้สนามแม่เหล็กเกิดขึ้นเองไม่ได้ แต่แบตเตอรี่ก่ออุบัติเหตุได้จริง หากมีความร้อนสูง หรือทำตกแตก
สืบเนื่องจากคลิปที่เป็นกระแสไวรัลที่มีชายต่างชาติคนหนึ่งเดินถือ ‘แบตเตอรี่’ เข้ามาในลิฟต์ ก่อนจะเกิดประกายไฟและระเบิดอย่างรุนแรง ทำให้ผู้ประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในท้ายที่สุด ซึ่งว่ากันว่าเกิดจาก “สนามแม่เหล็ก” ล่าสุด รศ. ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาตอบข้อสงสัยแล้วว่าเป็นข่าวปลอม
ทั้งนี้ อาจารย์เจษฎ์ ได้ระบุผ่านโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ลิฟต์ไม่ได้สร้างสนามแม่เหล็ก (magnetic field) อย่างที่ล่ำลือกัน และอธิบายว่าภายในลิฟต์ส่วนใหญ่สร้างจากโลหะที่เป็นตัวนำ ซึ่งทำหน้าที่กั้นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าเอาไว้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่สัญญาณโทรศัพท์มักจะหายไป เมื่อเดินเข้าสู่ลิฟต์
อีกทั้งยังอธิบายเพิ่มด้วยว่า ‘แบตเตอรี่ลิเธียม’ ไม่สามารถสร้างสนามแม่เหล็กขึ้นมาเองได้เช่นกัน แม้จะมีความจุไฟฟ้าสูงก็ตาม ซึ่งบางคนอาจคุ้นชินกับการทดลองสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในห้องเรียนฟิสิกส์ ที่ใช้ลวดทองแดงพันรอบตะปูเหล็ก จากนั้นจึงต่อเข้ากับแบตเตอรี่ โดยอาจารย์เจษฎาได้ระบุว่าไม่เหมือนกับการนำแบตเตอรี่เข้าไปในลิฟต์ เนื่องจากไม่มีการต่อสายไฟไปที่วัตถุโดยตรง จึงทำให้เกิดสนามแม่เหล็กไม่ได้
แม้ว่าข่าวลือเรื่องการพกแบตเตอรี่ขึ้นลิฟต์ แล้วทำให้เกิดการระเบิดจะไม่เป็นความจริง แต่ ดร. เจษฎา ก็ได้เตือนภัยใกล้ตัวว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีแบตเตอรี่สามารถเกิดไฟลุกไหม้ และนำไปสู่อุบัติเหตุได้ หากถูกประกอบมาอย่างไม่ถูกต้อง หรือเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
รวมถึงกรณีที่ชาร์จไฟแรงสูงเกินไป ทำให้แบตเตอรี่มีความร้อน หรือทำแบตเตอรี่ตกแตก และมีไฟฟ้าลัดวงจตรเกิดขึ้น เหตุการณ์เหล่านี้อาจนำไปสู่อันตรายได้ แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นน้อย แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ ด้วยเหตุนี้สายการบินต่าง ๆ จึงต้องจำกัดขรนาดความจุของแบตเตอรี่เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร
อย่างไรก็ตาม อาจารย์เจษฎาได้คาดเดาปิดท้ายว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในคลิป น่าจะมาจากสาเหตุที่แบตเตอรี่อีไบค์มีความร้อนมาก เมื่อนำเข้ามาในลิฟต์จึงเกิดการระเบิด ซึ่งเป็นพื้นที่ปิดจึงทำให้ไม่สามารถโยนวัตถุให้ออกไปจากตัว และหาทางหนีได้ จนเกิดเป็นเหตุสลดตามที่ปรากฏในวิดีโอ.
อ้างอิง : Facebook Jessada Denduangboripant (อาจารย์เจษฎ์)
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง