ท่องเที่ยวอีเว้นท์

เผยเสน่ห์ กิ่วแม่ปาน ความงามเหนือเมฆ มหัศจรรย์ดอยอินทนนท์ มากกว่าแค่ทะเลหมอก

กิ่วแม่ปาน ที่ท่องเที่ยวตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น ด้วยทิวทัศน์แสนงดงาม หลายคนขึ้นไปเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอก ยามเช้าสุดอลังการ

กิ่วแม่ปาน หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในฤดูหนาว ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัด เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีระยะทางไม่ไกลมากเป็นระยะทาง 3.2 กิโลเมตร พร้อมเส้นทางที่จัดสรรได้เป็นอย่างดี มีบันไดสลับกับทางเดิน ทำให้ผู้คนมักนิยมเดินทางมา เนื่องจากระยะทางที่ง่ายต่อการเดินทาง และมาพร้อมกับวิวหมอกในฤดูหนาวที่สวยสดงดงาม หรือรอชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า ยิ่งช่วงปลายปี ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศก็นิยมจะมาสัมผัสอากาศที่หนาวเย็นจับใจ

Advertisements

คำว่า “กิ่ว” ในภาษาเหนือ หมายถึง เส้นทางเล็ก ๆ ที่มีขนาดแคบ ส่วนคำว่า “แม่ปาน” หมายถึง ลำห้วยแม่ปาน (ชื่อสถานที่) การจะเดินสำรวจกิ่วแม่ปานนั้น จะต้องเดินลัดเลาะไปตามทางเดินแคบๆ บริเวณริมเขา ผ่านจุดชมวิวและจุดศึกษาธรรมชาติทั้ง 21 จุด

ตลอดเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน นักท่องเที่ยวจะได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ สองข้างทางเต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ มีเฟิร์นและมอสปกคลุมไปทั่วตลอดทาง โดยลักษณะทางธรรมชาติระหว่างเส้นทางเดินป่า จะเห็นได้ชัด 2 แบบ ได้แก่

  • ป่าดิบเขา : ต้นไม้สูงใหญ่เขียวขจี บรรยากาศร่มรื่น มีแสงแดดส่องเข้ามาเพียงรำไร
  • ทุ่งหญ้าบนสันเขา : พุ่มไม้ขนาดเล็ก ทุ่งหญ้าโล่งกว้าง สัมผัสแสงแดด สายลมได้เต็มที่

ตลอดเส้นทางเดินที่ผ่านแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ ช่วงแรกเป็นป่าดิบขึ้นมีมอสและเฟิร์นขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นตามลำต้นของไม้ใหญ่ที่แข่งขันกันเติบโตเพื่อรับแสงอาทิตย์ หลังจากผ่านดงทึบของป่าดิบเขา จึงเข้าสู่ช่วงของทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่คอยเปลี่ยนสีจากสีเขียวในช่วงฤดูฝนสลับกับสีน้ำตาลอ่อนอย่างพรั่งพร้อมในช่วงฤดูแล้ง เห็นไอหมอกเมฆไหลมาอยู่เบื้องหน้า ซึ่งคาดไม่ถึงเลยว่าจะอยู่หลังม่านอันหนาทึบ หากสังเกตดีๆ ตามทางเดินจะพบมูลหรือรอยขุดคุ้ยหาอาหารของสัตว์ป่า

Advertisements

เมื่อออกเดินทางต่อจะพบกับ “ต้นกุหลาบพันปีแดง” ขึ้นอยู่ตามหน้าผาเป็นดงกว้างจำนวนมากและมีขนาดใหญ่ จะพากันผลิดอกเบ่งบานในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม พันธุ์ไม้ชนิดนี้ถือเป็นลักษณะเด่นของเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานแห่งนี้ แล้วจึงวกกลับเข้าสู่ป่าดิบเขาอีกครั้งหนึ่ง เป็นการเดินช่วงสุดท้าย จะต้องเดินลงสู่ลำห้วยแม่ปาน ที่ไหลลดเลี้ยวมาจากบริเวณที่ข้ามมาในช่วงต้น

ภาพจาก : สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่

ไฮไลท์เด็ดของ กิ่วแม่ปาน

1. จุดชมวิว กม.42

ก่อนจะเข้าไปสู่เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน บริเวณลานจอดรถด้านหน้า ก็จะเป็น “จุดชมวิว กม.42” ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและจุดชมทะเลหมอกที่งดงามอย่างมาก นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นมาด้านบนนี้ช่วงเช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพื่อรอชมแสงแรกของวันที่จะค่อยๆ โผล่พ้นขอบฟ้า ส่องแสงสีทองอวดโฉมอยู่ท่ามกลางทิวเขาสลับซับซ้อน

แนะนำให้ขึ้นมาถึงบริเวณ จุดชมวิว กม.42 ประมาณ 05.30-06.00 น. (แล้วแต่ฤดูกาล) แล้วรอชมพระอาทิตย์ขึ้น เก็บภาพสวยๆ ยามเช้า พอเริ่มสว่างได้ที่ ก็เตรียมตัวหาอาหารเช้ารองท้อง (บริเวณจุดชมวิวมีร้านอาหารให้บริการ) เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เตรียมน้ำดื่มสำหรับดื่มระหว่างเดินกิ่วแม่ปาน แล้วก็ถึงเวลาออกเดินทางกันต่อได้

2. เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ

“กิ่วแม่ปาน” เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,400 เมตร ลักษณะเส้นทางกิ่วแม่ปานเป็นวงรอบทางเดินลาดชันขึ้นไป และสุดท้ายจะวกกลับมาบรรจบกับทางเดินที่เดินเข้ามาครั้งแรก มีระยะทางประมาณ 3.2 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดิน 2-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน ในช่วงระยะกิโลเมตรแรกจะเป็นทางเดินขึ้นเพียงอย่างเดียว มีบันไดทางขึ้นเป็นช่วงๆ สลับกับทางเดินธรรมชาติ ส่วนกิโลเมตรที่ 2 จะเป็นทางเดินลงบนสันเขา 1 กิโลเมตร และทางเดินกิโลเมตรที่ 3 จะเป็นทางเดินในป่า มีทางเดินขึ้นสลับทางเดินลงจนจบ 5 เขาเล็ก โดยจุดที่ชันที่สุดจะอยู่ที่เขาลูกแรกและลูกที่ 4 เพราะมีบันไดเดินขึ้นเรื่อย ๆ

3. น้ำตกลานเสด็จ

เป็นน้ำตกเล็ก ๆ ที่ไหลผ่านจากกิ่วแม่ปานไปสู่แม่น้ำแม่ปิง เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามและยังที่เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่สำคัญในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ โดยบริเวณรอบ ๆ ถูกโอบล้อมไปด้วยป่าดิบเขาที่มีบรรยากาศร่มครึ้ม มีมอสส์สีเขียวขึ้นคลุมตามโคนต้นไม้และบริเวณริมห้วยรอบน้ำตก

4. ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์

ปกติแล้ว พื้นที่ในเมืองหนาวบางแห่งที่มีความสูง 4,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล จะมีระบบนิเวศน์ที่เรียกว่าทุ่งหญ้าอัลไพน์ โดยบริเวณนั้นจะมีเฉพาะไม้ล้มลุก แต่ความพิเศษของพื้นที่บนยอดดอยอินทนนท์ คือการมี “ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์” เป็นระบบนิเวศน์ในเขตภูเขาสูงที่มีลมแรงและอากาศเย็นตลอดทั้งปี ในไทยมีเพียงไม่กี่แห่ง (ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์ในไทยยังมีที่ ดอยผ้าห่มปก และดอยเชียงดาว) จะมีไม้ล้มลุกปะปนกับไม้พุ่มขนาดเล็ก ลักษณะพื้นที่บนกิ่วแม่ปานจะคล้ายๆ กับทุ่งหญ้าเตียนๆ มีต้นไม้แปลกๆ ดอกไม้สวยๆ ที่อาจไม่เคยเห็นที่อื่น

5. ผาแง่มน้อย

“แง่ม” เป็นภาษาประจำถิ่นของภาคเหนือ ใช้เรียกลักษณะหรือสิ่งที่แยกออกเป็นสองหรือสาม “ผาแง่มน้อย” เป็นหิน 2 แท่ง ตั้งอยู่คู่กันริมเส้นทางเดินชมธรรมชาติกิ่วแม่ปาน เหมือนจับหินสองก้อนมาตั้งวางเรียงกัน เป็นการสร้างสรรค์ของธรรมชาติจากความบังเอิญ หากสังเกตที่ฐานของแท่งหิน จะไม่มีส่วนใดที่ฝังลึกลงไปใต้ดิน และจากหลักฐานทางธรณีวิทยา คาดว่าแท่งหินผาแง่มน้อยเป็นหินแปรที่เกิดจากการแตกหัก หลุดจากผนังหินผาของกิ่วแม่ปาน และลื่นไถลตกลงมาวางนิ่งอยู่ในจุดที่เคียงคู่กันพอดี นอกจากนั้น บริเวณฐานของผาแง่มน้อย ยังมีแผ่นหินที่ร่วงตกลงมาคล้ายรูปหัวใจวางอยู่ ด้วยความพิเศษนี้เอง ผาแง่มน้อยจึงเป็นหมุดหมายของคู่รักนักท่องเที่ยวที่จะมาถ่าบภาพก้อนหินรูปหัวใจที่จุดนี้

6. กุหลาบพันปี

กุหลาบพันปี หรือ กุหลาบป่า (บ้างก็เรียก ดอกคำแดง) เหตุที่เรียกว่ากุหลาบพันปีเนื่องจากเมื่อดูเผินๆ ก็จะมีลักษณะคล้ายพุ่มกุหลาบ และลำต้นมีมอสส์ปกคลุมจนดูคล้ายว่าเป็นต้นไม้ที่มีอายุนับพันปี แต่แท้จริงแล้วกุหลาบพันปีเป็นพันธุ์ไม้ในวง Ericaceae ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกุหลาบที่เรารู้จักกันทั่วไป กุหลาบพันปีเป็นพืชหายากมากชนิดหนึ่ง เพราะมีการกระจายพันธุ์ที่จำกัดเฉพาะในเขตอากาศหนาวเย็นบนพื้นที่ชุ่มชื้น เช่น สันเขาหรือหน้าผา จะออกดอกเพียงปีละครั้งช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ เท่านั้น

ภาพจาก : สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่

บนกิ่วแม่ปาน ต้นกุหลาบพันปีจะมีอยู่มากบริเวณสันเขา ถัดจากผาแง่มน้อย หากใครไปตรงกับช่วงที่ต้นไม้ออกดอก ก็จะเห็นดอกกุหลาบพันปีสีแดงสดตัดกับความเขียวของใบไม้ที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก

7. พรรณไม้ต่าง ๆ ระหว่างเส้นทาง

ในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน มีทั้งพืชพันธุ์ สัตว์ป่า และความหลากหลายทางชีวภาพให้ได้เห็นกันตลอดเส้นทาง ลองสังเกตพรรณไม้ข้างทางตั้งแต่ในเขตป่าดิบเขา ไปจนถึงเขตทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์ จะได้เห็นต้นไม้ดอกไม้แปลกตาหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น กุหลาบพันปี-ต้นไม้หายากที่อยู่บริเวณสันเขา เฟิร์น-อยู่บริเวณป่าดิบเขาที่มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น มีแสงแดดรำไรส่องลงมา ช้ามะยมดอย-หรือจะเรียกว่าบลูเบอร์รี่ดอยก็ได้ เป็นไม้พุ่มขนาดไม่สูงนัก มักขึ้นตามสันเขา จะออกผลเล็กๆ สีม่วงเต็มต้นคล้ายผลบลูเบอร์รี่

8. จุดชมพระธาตุ

อยู่บนเส้นทางขากลับ แต่ต้องเดินแยกออกไปทางขวามือเล็กน้อย สามารถมองเห็น “พระมหาธาตุนภเมทนีดล” และ “พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ” ซึ่งจุดนี้จะสามารถชมพระธาตุได้สวยงามกว่าในช่วงบ่าย เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปในท่าประทับยืน ขณะที่บริเวณรอบๆ องค์พระมหาธาตุเป็นสวนที่มีการประดับตกแต่งอย่างสวยงาม

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง : portal.dnp.go.th

somkiar

นักเขียนสายรีวิว ดีกรีแอดมินเพจ ชอบเล่าเรื่องผ่านตัวอักษร เนิร์ดหนังและซีรีส์ตัวพ่อ เอนจอยการถ่ายรูปและงานนิทรรศการ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button