‘ทนายตั้ม’ ยื่นมติขับ ‘สามารถ’ พ้นพรรค ทำเสียชื่อเสียง ถามไม่อายบ้างหรอ?
ทนายตั้ม บุกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นมติขับ สามารถ พ้นพรรค เหตุทำเสื่อมเสียชื่อเสียง ปมดิไอคอนกรุ๊ป ถามไม่อายบ้างหรอ รู้ทั้งประเทศ
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เดินทางมายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ผ่านเจ้าหน้าที่พรรค ยื่นขอให้พรรคขับนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ พ้นพรรคฐานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จากกรณีมีข้อสังเกตว่าอาจเกี่ยวข้องกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด
โดยนายษิทรา กล่าวว่า อยากให้พรรคตรวจสอบคลิปเสียงที่เป็นข่าว โดยเฉพาะที่มีการเรียกรับเงินเดือนละ 100,000 บาท และตรวจสอบที่คนในคลิปเสียงระบุว่าโยกย้ายข้าราชการได้ ว่าเสียงดังกล่าว เป็นของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐหรือไม่
แต่จากที่ตนสอบถามจากนายสิระ เจนจาคะ อดีตสส.กทม พรรคพลังประชารัฐ และนายวัน อยู่บำรุง กรรมการบริหารพรรค เมื่อฟังแล้วระบุว่าเป็นเสียงของนายสามารถ จึงอยากขอความชัดเจนจากพรรคว่าจะมีมติในเรื่องนี้อย่างไร จะปกป้องคนที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือไม่
โดยจุดประสงค์ของตน คือ ต้องการให้ขับออกจากพรรคหากทำให้เสื่อมเสีย หากจำได้สมัยก่อนนายสามารถก็มีข่าวในทางไม่ดี จากกรณีให้คนไปสอบแทน และถูกพรรคขับออกไป ต่อมาก็กลับเข้าพรรคอีก
นอกจากนั้นอยากให้สื่อช่วยตรวจสอบ เพราะทราบมาว่า นายสามารถไปซื้อบ้านที่ราชพฤกษ์ มูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท ว่าได้มาอย่างไร
อย่างไรก็ตาม นายสามารถยังมีเครือข่ายสมาคมต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทยที่ทำหลายคดี ยกเว้น บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ทำให้มีข้อสังเกตว่าไปรับประโยชน์อะไรหรือไม่จึงไม่ตรวจสอบ และหากจะทำเพื่อสังคมจะต้องเป็นคนที่ใสซื่อ ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ไม่ใช่ต่อหน้าต่อสู้เรื่องแชร์ลูกโซ่ แต่เบื้องหลังไปเรียกรับเงิน
การตรวจสอบของพรรคไม่น่าจะใช้เวลานาน 1 วันน่าจะเสร็จ และคิดว่าหากผู้ใหญ่จะทำให้เสร็จไม่น่าเกิน 1 เดือน คงไม่ยืดเวลา นอกจากทางพรรคจะช่วยเหลือ และหากปกปิดไม่ลงโทษ อาจจะเอื้ออะไรกันหรือไม่ และคนจะเข้าใจผิดว่าที่นี่มีเทวดาหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสามารถระบุว่าเสียงในคลิปไม่ใช่เสียงของนายสามารถ และขู่จะฟ้องหากมีการพาดพิง นายษิทรา กล่าวว่า “ขู่ไปเถอะ” พร้อมย้อนถามว่า เคยชนะคดีอะไรบ้างหรือไม่ และที่ตนมายื่นก็ไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไรกับพรรคการเมือง แต่ต้องการให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ ที่ระบุว่าจะฟ้องกลับนั้น เพราะคิดว่าตัวเองใกล้ชิดกับพล.อ.ประวิตร แต่ต้องถามกลับว่าคนๆ นี้ ทำให้เสียใจมากี่ครั้ง
“ไม่อายบ้างหรือ เขารู้ทั้งประเทศ จะบอกว่าเป็นเอไอได้อย่างไร ถ้าเป็นลูกผู้ชายให้รับผิดชอบ ออกมายอมรับอย่างแมนๆ และที่สำคัญบอสพอลยอมรับว่าเป็นคลิปเสียงจริง มีการพูดคุยกับนักการเมือง แต่ไม่ได้ระบุชื่อ ที่ผมพูดเพราะเป็นเรื่องจริงที่ต้องการให้ตรวจสอบ เพราะอยากให้คนที่จะอาสามารับใช้ประชาชนต้องใสสะอาด ไม่ใช่ไปไถใคร” นายษิทรา กล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง