กบ ไมโคร เปิดปากยอมรับ ‘เป็นแม่ข่าย’ ดิ ไอคอน กรุ๊ป จริง ถูกจูงใจด้วยผลกำไร ทุ่มลงทุนไปกว่า 2 ล้านบาท ชี้บริษัทมีปัญหานานแล้วแต่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะกลัวโดนฟ้อง
หลังจากที่ศิลปินชื่อดัง นายไกรภพ จันทร์ดี หรือ กบ ไมโคร เดินทางเข้าให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวน หลังถูกแฉไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่มีตำแหน่งในบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป เนื่องจากปรากฎคลิปที่นักร้องดังในตำนานขึ้นพูดอยู่บนเวที โดยในจอภาพได้ปรากฏข้อความไว้ว่า “โค้ชกบ สอนขายออนไลน์ กำไรเฉพาะเดือนมิถุนายน 65 ที่ 98,800 บาท” และ “ขายออนไลน์ไร้สต็อก”
ล่าสุด กบ ไมโคร ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่ปักหลักรออยู่ที่สอบสวนกลาง โดยเผยว่า วันนี้ที่เดินทางมาเข้าพบเจ้าหน้า ปคบ. ก็เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เนื่องจากมีประเด็นที่เป็นไวรัลอบู่ในโซเชียลว่าตนเป็นผู้ร่วมขบวนการ หรือเป็นผู้เสียหายกันแน่
หากถามถึงเรื่องการขึ้นเวทีเป็นการขึ้นไปพูดในหัวข้อ Rising Star เมื่อประมาณ 4-5 เดือนก่อน โดยให้มาบอกเล่าเหตุผลว่าทำไมถึงมาขายของออนไลน์ ตอนนั้นจึงอยากขึ้นไปแบ่งปันบอกเล่าว่าอะไรทำให้ถึงมาขายของออนไลน์ และขายเป็นอย่างไร ยืนยันว่าการขึ้นไปพูดครั้งนั้นไม่ได้มีค่าจ้างใด ๆ แต่ให้เรียกว่าเป็น ‘การแบ่งปัน’
สาเหตุที่ตนตัดสินใจร่วมลงทุนในธุรกิจนี้ เพราะเชื่อมั่นใจตัวเลขของผลประกอบการของบริษัท มียอดขายถึง 4,000 กว่าล้านบาทในระยะเวลาไม่กี่ปี ซึ่งตนเอง เปิดไว้ 5 ดีลเลอร์ ภรรยา 2 ดีลเลอร์ และคนในบ้าน 3 ดีลเลอร์มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งในแต่ละครั้งที่เปิดดีลเลอร์ จะมีโปรโมชั่นเพื่อจูงใจให้เรารีดีลเลอร์ โดยขณะนั้นเป็นทริปเที่ยวฝรั่งเศส
หากถามถึงเหตุผลที่เปิดถึง 10 ดีลเลอร์ กบ ไมโคร เผยว่า ระหว่างที่ทำงานไปอยู่ในนั้นประมาณปีกว่า เราจะต้องอยู่ในมนต์สะกดของเขา ด้วยคำว่า “ไม่เถียง ไม่ถาม ขอให้ทำตามอย่างเดียว แล้วจะมีผลสำเร็จ” และดีลเลอร์จะมีอยู่คำหนึ่งว่า “ถ้าเราไม่เปิด ใครเขาจะเปิดกับคุณ” เราก็เลยต้องเปิดบิล โดยมีเงื่อนไขคือการไปเที่ยวแถมมาด้วย
ตนจึงหลงเชื่อและคาดหวังว่าจะขายของได้ แต่พอถึงจุดหนึ่งก็เริ่มขายไม่ได้ ไม่ว่าจะในช่องทางออนไลน์ หรือกับคนรู้จัก ของก็เริ่มคาสต๊อก ในที่สุดก็นำไปถวายพระ นำไปแจกให้ญาติกิน ในช่วงเวลาที่ใกล้หมดอายุก็จำเป็นต้องขายตัดราคา เวลามีคนมาขอซื้อยอมรับว่าผิด แต่ทุกคนอยู่ในเงื่อนไขนี้หมด ของใกล้หมดอายุต้องขายออกไป เพื่อเอาทุนคืนบางส่วน
นอกจากนี้ กบ ไมโคร ยังยอมรับอีกว่า ตัวเองเป็นแม่ขาย ซึ่งตอนที่ตนทำธุรกิจแรก ๆ ยังไม่มีคำว่าแม่ทีมด้วยซ้ำรู้เพียงแค่ว่าเป็นธุรกิจแบบแฟรนไชส์ กระทั่งมีคนตามมาเปิดบิลด้วย 8 คน แต่สาเหตุที่ต้องออกจากธุรกิจนี้ช่วงประมาณเดือนกรกฎาคม หรือสิงหาคม 2566 เป็นเพราะลูกทีมทั้ง 8 คนขายของไม่ได้ทั้งที่พยายามทุกหนทางสุดความสามารถ
และหลังจากออกมาแล้วก็ได้มาศึกษาหาความรู้อย่างละเอียดจนได้พบกับความไม่ชอบมาพากล พร้อมเผยว่า หากรู้ว่าเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ หรือเครือข่ายก็ไม่มีใครที่อยากจะทำธุรกิจแบบนี้
ขณะเดียวนักร้องดังยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป มีปัญหามานาน แต่ไม่มีใครกล้าที่จะออกมาพูด เนื่องจากกลัวถูกฟ้องกลับ เพราะตอนนี้ก็มีคนที่ถูกฟ้องอยู่ในชั้นศาล และหลายคนที่โดนฟ้อง รวมถึงเป็นผู้เสียหายก็เป็นคนที่ตนรู้จักอยู่ด้วยเช่นกัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ‘กบ ไมโคร’ แฉเละ ลงทุนธุรกิจเครือข่ายดัง สูญเงินนับล้าน ยิ่งกว่า 18 มงกุฏ
- ‘กบ ไมโคร’ เข้าให้ปากคำ ปมเคยทำงานใน ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ ยัน เป็นผู้เสียหาย
- ภาพสำคัญ ‘กบ ไมโคร’ อาจไม่ใช่ผู้เสียหาย ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ แท้จริงทำงานในบริษัท
