เพจดังเผย “บอสพอล” เลี่ยงสื่ออาชีพ เลือกเวทีชี้แจง ไม่ถามเจาะลึกที่มาเงิน
เพจดังเผย ‘บอสพอล’ เลือกชี้แจงผ่าน 2 รายการที่เอื้อต่อการแก้ตัว เลี่ยงสื่ออาชีพที่จี้คำถามสำคัญ ไม่มีการเจาะลึกแหล่งที่มาของเงินทุน
จากกรณีดราม่าในสังคมของ “บอสพอล” เจ้าของธุรกิจ ดิ ไอคอน กรุ๊ป ถูกกล่าวหาว่าทำธุรกิจขายตรง ส่งผลให้มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก แม้เจ้าตัวจะออกมาเปิดใจผ่านรายการโหนกระแส และรายการออนไลน์ THE STANDARD NOW เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา แต่คนในสังคมยังตั้งข้อสงสัยและเคลือบแคลงใจกับคำชี้แจง
ล่าสุด 15 ตุลาคม 2567 เพจเฟซบุ๊ก Drama-addict ได้ออกมาแชร์ข้อมูลใหม่ หลังบอสพอลได้ไปชี้แจงข้อมูลและยืนยันความบริสุทธิ์ โดยผู้ที่ทำงานอยู่ในแวดวงข่าว เปิดเผยว่า รู้สึกผิดหวังที่บอสพอลไม่ได้เข้าสู่เวทีการสัมภาษณ์โดยสื่อมวลชนมืออาชีพ เพราะนักธุรกิจรายนี้นั้นไม่ธรรมดา รู้จักเลือกเวที รู้วิธีการหลบเลี่ยง และอ่านเกมออกว่าพิธีกรแต่ละรายการจะมาไม้ไหน
เจ้าตัวระบุข้อความว่า “คุยกับน้องนักข่าว เห็นเหมือนกันว่าเสียดายที่คนอย่างบอสพอลไม่อยู่ในเวทีที่ให้คนเป็นสื่ออาชีพทำหน้าที่ซักถาม เพราะนักธุรกิจรายนี้ไม่ธรรมดา รู้เวที รู้ทางหนีทีไล่ และรู้แกวคนจัดรายการทั้ง 2 เวทีว่าจะมาไม้ไหน กลุ่มเป้าหมายคือใคร เขาก็บรีฟตัวเองให้สื่อสารได้ถูกทั้งสองเวที
ตัวอย่างคงอยู่ที่ดาราที่ไปเอี่ยว นักธุรกิจรายนี้คงเห็นว่าการตกอยู่ในวงล้อมสื่ออาชีพจะโดนรุกไล่สติแตก ตอบคำถามแบบเสียผู้เสียคนและมัดคอตัวเองเสร็จสรรพ
วันนี้ที่ชัดมาก คือเขาตั้งเป้าหมายมาออกรายการสองที่ เสร็จที่แรก ก็หนีนักข่าวที่ไปรอรุมสัมภาษณ์ที่ตึกมาลีนนท์แล้วนักธุรกิจรายนี้ไม่ยอมปริปากใด ๆ ให้การ์ดรีบกันขึ้นรถไปเลย ถ้าย้อนไปฟังของบางช่องได้ยินนักข่าวถามเรื่องเงิน แต่จังหวะชุลมุนผมก็ฟังไม่ถนัดว่าประโยคเต็ม ๆ คืออะไร แต่ถือว่านักข่าวตั้งหลักได้ถูก
ในรายการแรกจะเห็นว่า เขาจะตั้งหลักด้วยคำว่า “ไม่รู้มาก่อน” นั่นหมายถึง เขาต้องการสื่อสารว่า ไม่รู้ว่าธุรกิจของเขาสร้างผลกระทบอะไรกับใครบ้าง เพื่อตั้งกรอบว่า อาจจะเกิดจากบุคคลระดับล่าง ๆ ที่ไปสื่อสารผิด ทำธุรกิจแบบผิด ๆ ต่อมาก็ร้องไห้ แล้วบอกว่ายอมแล้ว ยอมมานานแล้ว แต่พอพิธีกรซักใหม่ก็ตอบฉะฉานในเชิงวิธีคิดว่า เขาคิดแบบนี้ พร้อมขีดเส้นแบ่งว่า ที่เขาคิดมันไม่ผิด แต่มันผิดตอนไหนไม่รู้ ตัวเองไม่รู้ว่าสู้กับอะไร ฯลฯ
ทั้งนี้ สิ่งดีอย่างเดียวในรายการแรก คือดึงข้อมูลเรื่องการจ้างดารา โดยนักธุรกิจรายนี้ก็พูดแบบรู้วาระ เหมือนจะสื่อสารว่าอย่ามาแหยมนะ มีข้อมูลทุกคน เพราะเขาเล่นเกมเป็น ที่เหลือคือพิธีกรวอกแวกไปกับดราม่าและการพยายามยกตนสูงกว่าเพื่อสั่งสอนศีลธรรม
พอรายการต่อมา เป็นออนไลน์เขาก็ฟอกตัวเองเต็มที่ พิธีกรก็ชงให้ตอบสบาย แถมถูกถามกลับ ถามแทรก โดนปั่นหัวเป็นระยะ ทั้งที่มีทั้งผู้เสียหายและทนายนั่งอยู่ และเขามักจะพูดแต่คำว่า ธุรกิจ เป็นคำกลม ๆ แต่ผู้ร่วมรายการที่เหลือจะไม่มีความรู้เรื่องธุรกิจขายตรงหรือแชร์ลูกโซ่มาชนกับเขาเลย ทำให้เขาได้แก้ตัวว่า “ต่อจากนี้ไม่รับตัวแทนจำหน่ายใหม่แล้ว” เพราะตัวแทนนี่แหละคือปัญหาในสายตาเขา
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเจาะลึกว่า เงินของเขานับพันนับหมื่นล้านมาจากไหน มาจากสินค้า หรือ ล่อลวงให้ผู้เสียหายมาเปิดบิล มีระดับชั้นแบ่งจ่ายค่าตอบแทนอย่างไร หรือแบ่งเปอร์เซ็นต์กับแม่ข่ายยังไง โมเดลระบบธุรกิจที่เขากำหนดไว้แต่แรกเป็นอย่างไร สรุปขายตรงหรือการตลาดแบบตรง ทำไมไม่จดทะเบียนให้ถูกต้องกับ สคบ. ที่บอกว่าไม่รู้ว่ามีผู้เสียหาย แต่ทำไมมีข้อมูลว่า อดีตรองเลขา สคบ.เคยชงเรื่องเอาผิด ทำไมดึงดารามาเป็นผู้บริหารเยอะขนาดนี้ สินค้าเขามีอะไรบ้าง แล้วลูกค้าคือใครหรือแม้แต่จ่ายค่าต๋ง ค่าเบี้ยใบ้รายทาง เขาก็ทราบว่ามันผิด แต่ทำไมเขาต้องจ่าย มุ่งหวังอะไร
พร้อมกันนั้น เจ้าตัวได้ทิ้งท้ายไว้ว่า สื่ออาชีพมีคำถามมากมายที่อยากถาม แต่เกมนี้ตกไปอยู่ในมือของนักธุรกิจรายนี้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันจะทำให้การขุดคุ้ยทำได้ยากขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง