การเงินเศรษฐกิจ

ธุรกิจขายตรง VS แชร์ลูกโซ่ ต่างกันอย่างไร คนไทยควรรู้ ก่อนตัดสินใจร่วมลงทุน

บอสบริษัทไหนไม่หลอกลวง ธุรกิจขายตรง VS แชร์ลูกโซ่ ต่างกันอย่างไร คนไทยควรรู้ ก่อนตัดสินใจร่วมลงทุน ไม่ตกเป็นเหยื่อ ขาดทุนแทนที่จะรวย

ในยุคที่ผู้คนมองหาช่องทางเสริมรายได้ การเข้าร่วมธุรกิจขายตรง (Direct Selling) กลายเป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่บ่อยครั้งที่ธุรกิจขายตรงกลับถูกสับสนหรือเข้าใจผิดว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ (Ponzi Scheme) ซึ่งอาจสร้างความเสียหายทั้งต่อชื่อเสียงและทรัพย์สินของผู้ลงทุน ในบทความนี้ เราจะมาแยกแยะความแตกต่างที่สำคัญระหว่างธุรกิจขายตรงกับแชร์ลูกโซ่ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ

Advertisements

ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ เป็นแบบค้าปลีก ไม่ใช่การขายตรง

บริษัทขายตรง แชร์ลูกโซ เหมือนหรือต่างกันอย่างไร

ธุรกิจขายตรง (Direct Selling) เป็นรูปแบบการค้าขายที่ผู้ผลิตจำหน่ายสินค้าและบริการให้กับผู้บริโภคโดยตรง โดยไม่ผ่านร้านค้าปลีกหรือช่องทางการขายทั่วไป เช่น ห้างสรรพสินค้าหรือแพลตฟอร์มออนไลน์

สินค้าจะถูกขายผ่านเครือข่ายของตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ขายอิสระ ซึ่งมักเป็นบุคคลทั่วไปที่เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทผู้ผลิต ตัวแทนจำหน่ายเหล่านี้จะนำสินค้าไปแนะนำและขายให้กับผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการพบปะพูดคุยตัวต่อตัว การขายตามงานแสดงสินค้า หรือการนำเสนอผ่านช่องทางออนไลน์

รายได้ของผู้ที่เข้าร่วมในธุรกิจขายตรงจะมาจากสองส่วนหลัก ๆ คือ

1. การขายสินค้าโดยตรง: ตัวแทนจำหน่ายจะซื้อสินค้าจากบริษัทผู้ผลิตในราคาตัวแทน และนำไปขายให้กับผู้บริโภคในราคาขายปลีก โดยรายได้จะเกิดจากส่วนต่างระหว่างราคาตัวแทนและราคาขายปลีก

Advertisements

2. ค่าคอมมิชชันหรือโบนัสจากการแนะนำสมาชิกใหม่: นอกจากรายได้จากการขายสินค้าแล้ว ตัวแทนจำหน่ายยังสามารถได้รัค่าคอมมิชชันหรือโบนัสเพิ่มเติมหากแนะนำให้คนอื่น ๆ เข้าร่วมเป็นตัวแทนจำหน่ายหรือสมาชิกใหม่ในเครือข่ายของตน โดยสมาชิกที่ถูกแนะนำจะอยู่ใน “สายงาน” ของผู้แนะนำ ซึ่งค่าคอมมิชชันนี้จะคำนวณจากยอดขายของสมาชิกที่อยู่ในเครือข่ายนั้น

ค่าคอมมิชชันที่เกิดขึ้นต้องมาจากยอดขายของสินค้าเท่านั้น ไม่ใช่จากการเก็บค่าสมัครหรือการนำคนเข้าร่วมโดยไม่มีการขายสินค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ธุรกิจขายตรงแตกต่างจากแชร์ลูกโซ่อย่างชัดเจน

ขายตรงมีการซื้อขายสินค้าจริง เงินรายได้หมุนเวียนมาจากการขายของ

แชร์ลูกโซ่ หรือ Ponzi Scheme เป็นรูปแบบการหลอกลวงทางการเงินที่ผู้จัดการแผนนี้ใช้กลไกในการสร้างเครือข่ายของนักลงทุน โดยสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนที่สูงมากและรวดเร็วเพื่อดึงดูดผู้คนให้เข้ามาลงทุน แต่แท้จริงแล้ว การจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนรายเก่าไม่ได้มาจากกำไรที่เกิดจากการทำธุรกิจจริงแต่อย่างใด แต่เกิดจากเงินที่ได้รับจากนักลงทุนรายใหม่ที่เข้ามาร่วมลงทุน

กลไกการทำงานของแชร์ลูกโซ่นั้นทำให้ผู้คนที่ลงทุนในช่วงแรกได้รับผลตอบแทนตามที่สัญญาไว้ จึงเกิดความเชื่อมั่นในระบบและชักชวนผู้อื่นเข้ามาลงทุนเพิ่ม เมื่อมีผู้ลงทุนใหม่เข้ามา เงินของนักลงทุนใหม่นี้จะถูกนำไปจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนรายเก่า

ระบบนี้จะทำงานไปได้เรื่อยๆ ตราบใดที่ยังมีผู้ลงทุนใหม่ๆ เข้ามาในระบบอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ไม่มีนักลงทุนใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ระบบนี้จะพังทลาย เพราะไม่มีเงินมาจ่ายให้นักลงทุนรายเก่าต่อไป

สิ่งที่ทำให้แชร์ลูกโซ่อันตรายคือ การที่ไม่มีการสร้างรายได้หรือธุรกิจจริงใดๆ รองรับอยู่เบื้องหลัง การทำงานทั้งหมดอาศัยเพียงการหมุนเงินของผู้ลงทุนเท่านั้น เมื่อไม่มีคนใหม่เข้ามา ระบบจะล้มเหลวทันที และนักลงทุนจำนวนมากจะสูญเสียเงินทั้งหมดที่ลงทุนไป

แชร์ลูกโซ่จะไม่มีสินค้าจริง เน้นหาดาวน์ไลน์ เก็บค่าสมัครสมาชิก

จุดเด่นที่ทำให้ธุรกิจขายตรงถูกต้องตามกฎหมาย

ธุรกิจขายตรงที่ถูกต้องตามกฎหมายจำเป็นต้องมี สินค้าและบริการที่มีคุณค่า ซึ่งหมายถึงการที่บริษัทขายตรงต้องมีสินค้าหรือบริการที่เป็นของจริงและสามารถจับต้องได้ ไม่ใช่เพียงแค่สร้างเครือข่ายการรับสมาชิก โดยสินค้าหรือบริการเหล่านั้นควรมีคุณภาพและประโยชน์ชัดเจนต่อผู้บริโภค และจะต้องสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างโปร่งใส ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ฉากบังหน้าเพื่อหลอกลวงให้คนเข้าร่วมเครือข่ายเท่านั้น

นอกจากนี้ การรับรายได้จากการขายสินค้า เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจขายตรงต่างจากแชร์ลูกโซ่ รายได้หลักของผู้เข้าร่วมธุรกิจขายตรงควรมาจากการขายผลิตภัณฑ์จริง ไม่ใช่จากการชักชวนหรือรับสมัครสมาชิกใหม่

การที่สมาชิกใหม่เข้ามาร่วมเครือข่ายและต้องซื้อสินค้าหรือบริการเพื่อใช้เองก็ยังถือว่าอยู่ในกรอบที่ถูกต้อง แต่การที่รายได้หลักของผู้เข้าร่วมเกิดจากการรับสมัครคนใหม่ๆ เข้ามา โดยไม่มีการขายสินค้าอย่างแท้จริง นั่นคือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงสัญญาณของแชร์ลูกโซ่

สุดท้ายคือเรื่องของ ความโปร่งใส ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจขายตรงที่ถูกกฎหมาย บริษัทที่ดำเนินธุรกิจขายตรงจะต้องมีเอกสารและรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจให้ผู้เข้าร่วมได้ศึกษาอย่างละเอียด เช่น เอกสารเกี่ยวกับสินค้า ขั้นตอนการทำธุรกิจ และแผนการตลาด

ในประเทศไทยยังมีหน่วยงานกำกับดูแล เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ที่จะเข้ามาตรวจสอบและออกใบอนุญาตให้กับบริษัทที่ดำเนินการขายตรงอย่างถูกต้อง ดังนั้น หากธุรกิจใดได้รับการรับรองจากหน่วยงานเหล่านี้ นั่นเป็นสัญญาณที่ดีว่าบริษัทดังกล่าวมีความโปร่งใสและมีการดำเนินธุรกิจตามกฎหมาย

ธุรกิจขายตรงไม่ได้ผิดกฎหมาย

สัญญาณอันตรายของแชร์ลูกโซ่

1. ไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่แท้จริง

สัญญาณที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดในแชร์ลูกโซ่คือไม่มีสินค้าหรือบริการจริง ๆ ที่จับต้องได้ มักจะมีการกล่าวอ้างว่าสินค้าหรือบริการนั้นมีมูลค่าสูง หรือเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะทางที่คนทั่วไปไม่สามารถตรวจสอบได้

เมื่อมองลึกเข้าไปจะพบว่าสินค้าเหล่านั้นแทบจะไม่มีอยู่จริง หรือเป็นสินค้าที่ไม่มีความจำเป็นหรือคุณค่าในตลาด การไม่มีผลิตภัณฑ์ที่แท้จริงนี้แสดงให้เห็นว่ารายได้ของระบบไม่ได้มาจากการซื้อขายสินค้าหรือบริการ แต่เกิดจากการหมุนเงินจากคนใหม่ที่เข้ามา

2. ผลตอบแทนที่ไม่สมเหตุสมผล

แชร์ลูกโซ่มักดึงดูดผู้ลงทุนด้วยการโฆษณาว่าผลตอบแทนที่ได้รับจะสูงมาก เช่น ให้ผลตอบแทน 20-30% ภายในไม่กี่สัปดาห์หรือเดือน ซึ่งในโลกการลงทุนทั่วไป ผลตอบแทนที่สูงและรวดเร็วเช่นนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ และไม่สมเหตุสมผลเลย

ธุรกิจที่ยั่งยืนและถูกกฎหมายมักจะให้ผลตอบแทนตามอัตราปกติของตลาด ต้องใช้เวลาในการสร้างผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจจริง หากเจอการโฆษณาที่สัญญาผลตอบแทนสูงในระยะเวลาสั้นๆ ให้ตั้งข้อสงสัยได้เลยว่าอาจจะเป็นการหลอกลวง

3. ให้ความสำคัญกับการหาสมาชิกใหม่

ในแชร์ลูกโซ่ รายได้หลักของคนที่เข้าร่วมไม่ได้มาจากการขายสินค้า แต่เกิดจากการรับสมัครสมาชิกใหม่เข้ามาในเครือข่าย และระบบจะกระตุ้นให้ผู้ที่เข้าร่วมต้องแนะนำสมาชิกใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาการไหลเวียนของเงินภายในเครือข่าย ซึ่งแตกต่างจากธุรกิจขายตรงที่ถูกกฎหมาย ซึ่งเน้นการสร้างรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการที่แท้จริง

การที่รายได้มาจากการรับสมัครสมาชิกใหม่เป็นหลัก เป็นสัญญาณเตือนชัดเจนว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ เพราะเมื่อไม่มีคนใหม่เข้ามาในระบบ รายได้ทั้งหมดก็จะหยุด และเครือข่ายจะล่มสลายในที่สุด

แชร์ลูกโซ่จึงมักใช้กลวิธีในการสร้างแรงกดดันให้ผู้เข้าร่วมต้องหาสมาชิกใหม่ๆ อยู่เสมอ และสัญญาว่าจะได้รับผลตอบแทนก้อนใหญ่หากมีสมาชิกมากเพียงพอ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ไม่มีคนใหม่เข้ามา ระบบทั้งหมดจะพังทลายลง และผู้ที่อยู่ในระบบจะเสียเงิน

ด้าน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สรุป 6 ข้อสังเกตของธุรกิจที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ไว้ดังนี้

1. โมเดลแชร์ลูกโซ่ – หากโครงสร้างธุรกิจเน้นการรับสมัครคนใหม่เข้าร่วมมากกว่าการขายสินค้าหรือบริการจริง โมเดลนี้ทำให้รายได้หลักมาจากการชักชวนสมาชิกใหม่และเก็บเงินค่าสมัคร แทนที่จะเกิดจากการขายสินค้า

2. การขายสินค้าหรือบริการที่ไม่ตรงความจริง – หากสินค้าหรือบริการที่เสนอขายไม่มีคุณภาพ ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่โฆษณาไว้ หรือไม่มีสินค้าจริงในการจำหน่าย แต่มีการหลอกลวงเพื่อเก็บเงินจากผู้ร่วมธุรกิจ

3. การบังคับซื้อสินค้าหรือการลงทุนจำนวนมาก – หากบริษัทบังคับให้ผู้สมัครเข้าร่วมต้องลงทุนจำนวนมากในการซื้อสินค้าเกินความจำเป็น หรือกักตุนสินค้าโดยไม่สามารถขายออกได้จริง

4. การใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือหลอกลวง – หากบริษัทนำเสนอข้อมูลทางธุรกิจหรือรายได้ที่เกินจริง โฆษณาผลตอบแทนที่สูงเกินจริงโดยไม่สามารถทำได้ตามสัญญา

5. การไม่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง – ธุรกิจขายตรงในประเทศไทยต้องได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)

6. ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายการคุ้มครองผู้บริโภค – หากธุรกิจไม่ให้ข้อมูลที่ชัดเจนแก่ผู้บริโภค ไม่สามารถคืนเงินหรือเปลี่ยนสินค้าตามที่กฎหมายกำหนด หรือไม่มีการคุ้มครองสิทธิ์ของผู้บริโภค ก็อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย

6 ข้อสังเกต แชร์ลูกโซ่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ภาพจาก : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ตกเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่แล้ว ควรทำอย่างไรต่อไป?

หากคุณเริ่มสงสัยว่าระบบที่คุณเข้าร่วมอาจเป็นแชร์ลูกโซ่ สิ่งแรกที่ควรทำคือหยุดการลงทุนเพิ่มเติมทันที อย่าเพิ่มเงินลงทุนหรือชักชวนคนอื่นเข้าร่วม เพราะยิ่งมีการลงทุนมากเท่าไร คุณยิ่งเสี่ยงสูญเสียมากขึ้นเท่านั้น

จากนั้นให้เริ่มรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน เช่น ข้อมูลการโอนเงิน เอกสารสัญญา การติดต่อสื่อสารกับผู้ที่ชักชวนคุณ แม่ทีม หรือข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่เกี่ยวข้อง หลักฐานเหล่านี้จะมีความสำคัญมากในการดำเนินการทางกฎหมายในอนาคต

ในกรณีที่คุณถูกหลอกลวง ความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ควรแจ้งหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในประเทศไทย หน่วยงานเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบและดำเนินคดีกับการหลอกลวงทางการเงิน เช่น แชร์ลูกโซ่ การแจ้งเหตุเร็วที่สุดจะช่วยให้มีโอกาสป้องกันไม่ให้คนอื่นตกเป็นเหยื่อเพิ่มเติม และช่วยในกระบวนการติดตามทรัพย์สินที่สูญเสียไป

หากเงินเสียไปจำนวนมากหรือมีความซับซ้อนในการรับเงินคืน ควรขอคำปรึกษาจากทนายความที่มีความเชี่ยวชาญในคดีการหลอกลวงทางการเงิน ให้ช่วยแนะนำวิธีการเรียกร้องสิทธิ์และการยื่นฟ้องเพื่อปกป้องผลประโยชน์

หลังจากที่ตกเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่ คุณอาจได้รับการติดต่อจากบุคคลที่อ้างว่าจะช่วยคุณเรียกเงินคืนหรือฟื้นฟูความเสียหาย แต่อาจเป็นการหลอกลวงเพิ่มเติม ดังนั้นควรระมัดระวังและอย่าเชื่อคำสัญญาที่ฟังดูดีเกินจริง

สุดท้ายนี้ ควรนำประสบการณ์ครั้งนี้มาเป็นบทเรียนในการป้องกันตัวเองจากการหลอกลวงในอนาคต โดยทำการตรวจสอบข้อมูลและศึกษารูปแบบธุรกิจอย่างรอบคอบเสมอก่อนการลงทุนใด ๆ หากมีข้อสงสัย ควรสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญหรือตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button