ข่าวการเมือง

‘จตุพร’ เย้ยแต่งตั้ง ‘ณัฐวุฒิ’ ไม่ช่วยให้พ้นวิบากกรรม อัดตระบัดสัตย์

จตุพร เย้ยแต่งตั้ง ณัฐวุฒิ ไม่ช่วยให้พ้นวิบากกรรมการเมืองไปได้ พร้อมอัดตระบัดสัตย์ข้ามขั้ว ลั่นไม่อิจฉา เชื่อรัฐบาลอยู่ได้ไม่นาน

นาย จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ไลฟ์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเซ็นแต่งตั้ง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีนั้น โดยนายจตุพร มองว่าการแต่งตั้งไม่สามารถทำให้ อุ๊งอิ๊งค์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รอดพ้นจากวิบากกรรมการเมืองและไปเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมขัดกฎหมายได้ เพราะเป็นการกระทำที่สำเร็จเบ็ดเสร็จแล้ว

Advertisements

คาดการณ์หวังให้นายณัฐวุฒิ มาเผชิญหน้ากับการชุมนุมบนถนนนั้น รัฐบาลเพื่อไทยและเขาผู้อยู่เบื้องหลังคงไม่เริ่มสงครามกันเร็ว ๆ นี้ เพราะตนรู้นิสัยกันอย่างดีและที่สำคัญการเป็นที่ปรึกนายกฯ ได้สวนทางกับสิ่งที่นายณัฐวุฒิ เคยตะโกนยำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ เมื่อช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 2566 อย่างเละเทะที่สุดมาแล้ว อีกอย่างยังปราศรัย “ไล่หนู ตีงูเห่า” ไม่เอาพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมลงใต้หาเสียงกระทืบพรรคประชาธิปัตย์ด้วย

หลังการเลือกตั้งแล้ว เมื่อพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ส่วนนายณัฐวุฒิ ประกาศด้วยน้ำตาคลอเบ้าที่ลาออกจาก ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย เพื่อยึดมั่นแม้รักแต่ไปต่อไม่ได้ จนผู้คนยกย่อง สรรเสริญเยินยอ ชื่นชมจุดยืน อย่างไรก็ตาม ในช่วงนั้น ตนเคยท้วงติงพฤติการณ์ของนายณัฐวุฒิว่า ไม่ควรทำหน้าที่แค่เป็นคนมายืนส่งรัฐบาลเพื่อไทยไปตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว แต่ต้องขัดขวางการตระบัดสัตย์ ซึ่งเคยประกาศสัญญาระหว่างหาเสียงไว้จึงจะถูกต้องกว่า แล้วตนก็ถูกพวกนางแบก นายแบกรุมยำมากมาย กระทั่งมีประกาศเมื่อ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา นายกฯ ตั้งนายณัฐวุฒิ เป็นที่ปรึกษา ได้เข้าร่วมขบวนการคนตระบัดสัตย์ข้ามขั้ว แล้วยังอธิบายพฤติการณ์และจุดยืนตัวเองว่า ต้องคิดใหม่ ยอมกลืนเลือด ซึ่งน่าจะเป็นน้ำลายเน่าบูดมากกว่า

นายณัฐวุฒิ มารับตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ เท่ากับเสียคำพูดสองขยัก คือครั้งแรกถ้าไปร่วมกับรัฐบาลนายเศรษฐา ตามคำชวนแล้วก็ตระบัตสัตย์ครั้งเดียว แต่วันนั้นทำตัวหล่อขอเป็นคนยืนส่ง คนจึงสดุดีจุดยืน แต่วันนี้กลับไปร่วมขบวนการกลืนน้ำลายข้ามขั้ว จึงเป็นคนโกหกสองขยัก

“การเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทางการเมืองไม่ได้อยู่ที่การพูดเอง หรือพูดไม่เก่ง แต่อยู่ที่การพูดความจริงต่างหาก ต้นทุนที่ติดลบอยู่แล้วว่าตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ตระบัดสัตย์ ทรยศต่อความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชน ทำให้การเมืองเป็นเรื่องการปลิ้นปล้อนตลบตะแลงแข่งกัน คนโกหกแนบเนียมจะได้ดี เป็นที่ยอมรับ” นายจตุพร กล่าว

ต้นทุนที่ติดลบนั้น ไม่ใช่เรื่องความรู้ความสามารถ ถ้าหาความจริงไม่ได้ ก็ควรหาความจริงช่วงเป็น รมช.พาณิชย์ ชี้แจงคดีจำนำข้าวที่ตอบคำถามสื่อมวลชนไม่ได้ ดังนั้น ความสามารถจึงไม่ได้อยู่ที่เป็นคนพูดเก่ง แต่อยู่ที่ความจริงคืออะไรต่างหาก วันนี้เมื่อนายณัฐวุฒิ อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยคาดกันว่า ตนจะนำประชาชนอยู่บนถนน แต่การตัดสินใจลงถนนหรือไม่ อยู่ที่เงื่อนไขขายประเทศ ขายแผ่นดิน 99 ปี สร้างบ่อนทำลายชาติ ดันดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อขายที่ดินพร้อมหมู่บ้านหรู อีกทั้งเจรจาเสียผลประโยชน์พลังงานแหล่งทับซ้อน ถ้าสิ่งเหล่านี้รัฐบาลไม่ทำก็อยู่กันไป คงปล่อยให้กลไกองค์กรตาม รธน. ตรวจสอบ ซึ่งคาดว่าคงอีกไม่นาน

Advertisements

“ผมเห็นว่า การตั้งบุคคลไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ใดๆ ได้ แต่สิ่งที่ได้กลับคือการเสียคน แต่พวกติ่งรัฐบาลกล่าวหาว่าผมอิจฉา จะเล่าให้ฟังให้หายบ้าว่า ผมหันหลังให้เพื่อไทย แยกทางทักษิณ (ชินวัตร) เบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะไปอิจฉาเขาได้เป็นอะไรทำไม ทั้งที่เขาผิดคำพูด ยอมกลืนเลือด กลืนทุกอย่าง แล้วมีอะไรที่น่าอิจฉาบ้าง นอกจากความสมเพชเวทนา” นายจตุพร กล่าว

การอยู่ในอำนาจหรือไม่ของนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ไม่ได้อยู่ที่ถูกประชาชนขับไล่ เพราะประชาชนมีหน้าที่ยับยั้งการกระทำ เช่น กรณีลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ไม่ไว้ใจรัฐบาลเสนอตั้งคนมาเป็นประธานคณะกรรมการธนาคารชาติมาดูแลทองคำบริจาคมูลค่านับหมื่นล้าน พวกเขาจึงแสดงตนคัดค้าน ซึ่งจะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งได้ตลอดเวลา

“ดังนั้น การเป็นรัฐบาล ไม่ใช่จะทำอะไรได้ทุกเรื่อง ถ้าไม่มีความชอบธรรม ย่อมเกิดความสูญเสีย ยังจำไม่ได้เหรอว่า ก่อนที่จะมีอันเป็นไปนั้น รัฐบาลไม่สามารถสั่งราชการได้แม้แต่หน่วยงานเดียว” นายจตุพร กล่าว

คาดว่า รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์จะอยู่ไม่นานจนได้ไปทำโครงการต่างๆ ให้เกิดความเสียหายกับประเทศ อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ทำโครงการก่อหายนะให้บ้านเมืองแล้ว ประชาชนคงไม่จำเป็นออกมาสู่ถนนคัดค้านขับไล่ และสิ่งที่รัฐบาลต้องกลัวคือ องค์กรต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญจะทำหน้าที่เอาผิดนายกฯตามข้อกฎหมาย ดังนั้น สถานการณ์ที่ดูเหมือนเงียบสงบจึงน่ากลัว เพราะภาพที่ปรากฎกับความเป็นจริงเป็นคนละเรื่องกัน และยิ่งใกล้ถึงเวลาต้องส่งคืนรัฐบาลดีลตระบัดสัตย์ ซึ่งเป็นลาภไม่ควรได้ ก่อนจะถูกจัดเต็ม

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button