สลด หญิงอเมริกันถูกฉลามกินระหว่างออกทริปดำน้ำในฝันที่อินโดนีเซีย
เกิดเหตุสลด เมื่อมีรายงานว่า หญิงวัย 68 ปีชาวอเมริกัน ถูกฉลามกิน ระหว่างเดินทางมาพักผ่อน ดำน้ำที่ประเทศอินโดนีเซีย
ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้มีชื่อว่า คอลลีน มอนฟอร์ หญิงชาวอเมริกาวัย 68 ปี ถูกพบเสียชีวิตระหว่างเดินทางมาพักผ่อนออกทริปดำน้ำในฝันที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยเธอเดินทางมาเที่ยวพร้อมกับเพื่อนๆ อีก 6 คนที่เกาะเรอง เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา แต่สุดท้ายเหตุการณ์ก็กลับตาลปัตร เพราะทริปนี้กลายเป็นโศกนาฏกรรม เพราะคอลลีนถูกกระแสน้ำที่รุนแรงพัดออกจากจุดดำน้ำ
เมื่อเพื่อนๆ และไกด์ไม่สามารถคว้าตัวคอลลีนกลับขึ้นเรือได้ จึงได้แจ้งขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัยที่รีบรุดเข้ามาให้ช่วย แต่ด้วยสภาพอากาศที่ไม่เป็นนใจ ทำให้การค้นหาเป็นไปอย่างยากลำบาก สุดท้ายก็ต้องสั่งยุติการค้นหาในวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา
สุดท้ายก็ต้องมาเจอกับเรื่องเศร้า เมื่อชาวประมงรายหนึ่งจากติมอร์ เลสเต จับปลาฉลามตัวหนึ่งได้ในวันที่ 6 ตุลาคม ก่อนที่เขาจะต้องตกใจ เมื่อพบชิ้นส่วนมนุษย์อยู่ภายในท้องของมัน
ชามประมงคนดังกล่าวได้เล่าว่า “ตอนที่จับมันได้ มันดูไม่แข็งแรงสักเท่าไร ผมคิดว่ามันคงกินพลาสติกหรืออวนเข้าไป เลยผ่าท้องมันเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็พบชิ้นส่วนของผู้หญิงอยู่ในนั้น”
หัวหน้าหน่วยงาน UPTD ที่ดูแลอุทยานทางทะเลหมู่เกาะอาลอร์และพื้นที่ใกล้เคียง ยืนยันว่าได้รับข้อมูลนี้แล้ว และประสานงานกับสถานทูตอินโดนีเซียในติมอร์เลสเต แต่เนื่องจากพบศพในเขตน่านน้ำของติมอร์ตะวันออก จึงไม่ใช่พื้นที่ของอินโดนีเซีย โดยตอนนี้ คงต้องรอให้ทางการติมอร์ตะวันออกดำเนินการตามขั้นตอน และประสานงานกับทางการสหรัฐอเมริกา เพื่อส่งศพกลับประเทศ
เจ้าหน้าที่ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตอนนี้เรากำลังสืบสวนเพิ่มเติม เพื่อยืนยันว่าชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบเป็นของผู้สูญหายในอินโดนีเซียหรือไม่”
เจ้าหน้าที่จากติมอร์ตะวันออกกำลังประสานงานกับหน่วยยามฝั่งอินโดนีเซีย และขอความร่วมมือจากผู้ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ หรือคดีที่คล้ายคลึงกันในพื้นที่ใกล้เคียง ให้แจ้งเบาะแสเพิ่มเติม
มีการยืนยันว่าชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบในท้องปลาฉลามสวมชุดดำน้ำ และเป็น ผู้หญิงชาวต่างชาติ แต่ยังไม่มีการยืนยันตัวตนอย่างเป็นทางการ
Ipda Giovani BM Toffy ผู้กำกับการตำรวจในเขตมาลูกูตะวันตกเฉียงใต้ กล่าวว่า “เราได้ประสานงานกับรัฐบาลหมู่บ้านนาบาร์ เพื่อระดมชาวบ้านช่วยค้นหาตามแนวชายฝั่งที่หันหน้าไปทางเกาะเรอง และค้นหาโดยรอบน่านน้ำของเกาะเรองโดยใช้เรือหางยาวและเรือเร็ว แต่ก็ยังไม่พบตัวผู้สูญหาย”
อ้างอิง : www.unilad.com
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง