เสี่ยห้องเย็น ร้องสายไหม ขอหย่าเมียมีชู้ 5 คน ถูกขู่หมายเอาชีวิต
เสี่ยห้องเย็น ร้องสายไหมต้องรอด ขอหย่าเมีย หลังจับได้ว่าเมียมีชู้ 5 คน จับได้คาหนังคาเขา แต่ถูกขู่หมายเอาชีวิต และขนของออกจากบ้าน
นายเอ (นามสมมุติ) เสี่ยห้องเย็น ได้เข้ามาร้องเรียนกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ขอความช่วยเหลือหลังถูกภรรยาแอบพาชายชู้เข้ามามีเพศสัมพันธ์ภายในบ้าน ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นเรือนหอวันแต่งงานกับภรรยาคนดังกล่าว
นายเอเล่าว่า ภรรยาคนนี้อายุ 35 ปี อยู่กินมาได้ 10 กว่าปี และเพิ่งจดทะเบียนสมรสเมื่อปี 2564 ตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็จับได้โดยตลอดว่าภรรยาแอบมีชู้ โดยคนแรกเริ่มจับได้ตั้งแต่ 2-3 ปีแรกที่คบกัน ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสูง ระดับผู้กำกับแถวภาคเหนือ จับได้ผ่านทางแชทและมีคนมาบอก แต่ภรรยาอ้างว่านับถือเป็นพ่อลูกบุญธรรมกัน คนที่สองประมาณปี 2561 เป็นข้าราชการตำรวจระดับสูง ขั้นรองผู้กำกับที่จังหวัดพิษณุโลก จับได้ว่าแอบแชทคุยกันแล้วไปหาที่เขาค้อด้วยกัน และใช้คำสรรพนามผัวเมียด้วยกัน คนที่ 3 ประมาณปี 2563 ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจระดับสูงแถวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จับได้ว่าแอบแชทไปเที่ยวทะเลหัวหินด้วยกัน และคนที่ 4 ประมาณปี 2565 ก็เป็นข้าราชการตำรวจสังกัดทางหลวง ซึ่งคนนี้เขาอ้างว่าเป็นเพื่อนกัน และพามาเจอเสี่ย เสี่ยก็เข้าใจว่าเป็นเพื่อน จนพบแชทว่ามีการนัดไปเจอกัน
โดย 4 ครั้งที่ผ่านมานั้น ภรรยามักปฏิเสธว่า ไม่ได้คบชู้กัน และเนื่องจากตนไม่สามารถจับได้คาหนังคาเขาทั้ง 4 รายก่อนหน้านี้ เลยมองว่าเป็นเรื่องอดีตที่ผ่านไปแล้วและให้อภัยกัน ยอมรับว่าตอนนั้นให้อภัยไปเพราะด้วยความรัก แต่ตนก็ยังไม่เชื่อใจและคอยเฝ้าจับตาดูภรรยามาโดยตลอด
กระทั่งล่าสุด จับได้ว่าภรรยามีชู้คนที่ 5 ไปนอนที่เรือนหอที่สร้างเอาไว้ที่จังหวัดพิษณุโลก โดยภรรยาอ้างว่ากลับไปทำธุระคดีที่ดิน ซึ่งตนมาทราบภายหลังว่า เรื่องคดีที่ดินเป็นเรื่องโกหกและต้องฟ้องในช่วงเดือนกรกฎาคม จึงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติว่าทำไมถึงไปก่อนล่วงหน้าหลายวัน ตนจึงได้เดินทางไปจังหวัดพิษณุโลก และติดตามภรรยาไปที่บ้านเรือนหอ โดยออกไปหาเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน และไม่บอกกล่าว เมื่อไปถึงเรือหอและเปิดประตูเข้าไป ก็เจอภรรยานอนกอดกับชู้คนที่ 5 คาห้องนอน โดยทั้งคู่ไม่ใส่เสื้อผ้า เมื่อสอบถามภรรยาอ้างว่า ไม่ได้มีอะไรกัน แค่เมาและมานอนเล่นกันเฉย ๆ ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรกัน ซึ่งตนไม่เชื่อ
ส่วนชายคนนั้นก็หน้าตาไม่สลดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่พูดอะไร ซึ่งมองว่าผิดปกติ แม้กระทั่งคำขอโทษก็ไม่มีการกล่าวแล้วก็ออกจากบ้านไปแบบหน้าตาเฉย ทราบว่าชายคนนี้เป็นเพียงแค่ผู้รับเหมาถมดินหน้าบ้าน แล้วพบว่าแอบคุยกับภรรยามานานแล้ว แต่ตนไม่ได้เอะใจจนกระทั่งมาจับได้ ยอมรับว่าคืนนั้นบนพกปืนปลอมไป เพื่อป้องกันตนเองเพราะเกรงว่าจะรับอันตราย ยอมรับว่าถ้าพกปืนจริงไป ก็อาจจะเกิดการใช้อาวุธปืนขึ้นได้
หลังจากนั้นตนทราบจากทนายความว่า ภรรยาไม่ได้ดำเนินการนัดหมายเคลียร์เรื่องคดีที่ดินเลย และพบว่าภรรยาได้มอบหมายให้คนมาขนของออกจากบ้านที่กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินที่หามาด้วยกัน แต่ตนก็ไม่พูดอะไร และล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม มีการงัดแงะเข้ามาขโมยเอาเงินสดในห้องตนเองประมาณ 300,000 บาท พร้อมสร้อยคอทองคำมูลค่า 5 บาท และพระบูชาเลี่ยมทอง 3 องค์ ซึ่งมีการแอบสับเปลี่ยนเอาพระปลอมมาไว้ในห้อง จึงเชื่อว่าการวางแผนมาลักทรัพย์
“ฟางเส้นสุดท้ายที่ตนตัดสินใจเตรียมจะดำเนินการฟ้องหย่าและฟ้องชู้ ปรากฏว่ากลับถูกข่มขู่เอาชีวิต รวมทั้งยังถูกติดตามจาก GPS ของโทรศัพท์ เลยวิตกกังวลถึงความปลอดภัยว่า หากตนเป็นอะไรไป จะทำให้ภรรยาได้ทรัพย์สินที่ตนช่วยกันสร้าง โดยเฉพาะเรือนหอที่พิษณุโลก ซึ่งตอนนี้เป็นชื่อเครือญาติของภรรยา และเกรงว่าภรรยาจะได้ทรัพย์สินเหล่านี้ไปเสวยสุขร่วมกับชู้” นายเอ กล่าว
สาเหตุที่มาร้องเรียนวันนี้ เพื่อร้องขอความปลอดภัย และหากตนเป็นอะไรไปจะได้รู้ว่าเกิดจากอะไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมอย่างมาก และอยากให้สังคมรับรู้ว่าเรื่องจริงยิ่งกว่าละคร ตอนนี้ตนได้แยกกันอยู่กับภรรยาแล้ว และต้องการที่จะฟ้องหย่าเท่านั้น รวมทั้งกังวลในเรื่องความปลอดภัยของชีวิต ยืนยันว่าจะไม่มีกลับไปคบหากับหญิงคนนี้อีก มันจบแล้ว จะไม่ให้อภัยอีกแล้ว รวมทั้งฝากบอกว่า ฝ่ายหญิงควรจะต้องมีจิตสำนึกที่จะต้องรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่นายเอกภพ กล่าวว่า จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือให้ โดยเฉพาะที่เสี่ยฟ้องคดีอาญาและฟ้องร้องหย่า ซึ่งจะดำเนินการประสานกระทรวงยุติธรรม ให้ดำเนินการคุ้มครองพยานให้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง