ตอบคำถาม ทำไมอาหารเจ ถึงมีราคาแพงกว่าอาหารทั่วไป ทั้งที่วัตถุดิบคือ ผัก เต้าหู้ ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์และต้นทุนไม่สูง
เสียงสะท้อนจากผู้บริโภคในช่วงเทศกาลกินเจของทุกปีมีความคิดเห็นในทิศทางเดียวกันว่า ราคาอาหารเจแพงขึ้นกว่าปีก่อน ในขณะที่ฟากของแม่ค้าพ่อค้า แจงว่า สาเหตุที่อาหารมีราคาสูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบบางชนิดเช่น โปรตีนเกษตรและเครื่องปรุง วัตถุดิบ เช่น ผัก เต้าหู้ ขยับราคาขึ้นทุก ๆ ปี ในช่วงเทศกาล แต่นี้คือปัจจัยหลักที่ทำให้อาหารเจนั้นปรับราคาขึ้นทุกปีจริงไม่ บทความนี้จะไขข้อสงสัยในเรื่องนี้
วัตถุดิบปรับราคาสูงขึ้นในช่วงเทศกาล
เพราะผักแพงขึ้นเป็นส่วนหนึ่งครับอย่างน้อยเท่าตัวเลย เพราะความต้องการเพิ่มมากขึ้นของผู้บริโภทที่มีจำนวนมากขึ้น รวมถึงพ่อค้าแม่ขายก็ต้องการซื้อเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารเพื่อจำหน่าย ทำให้เกิดการปรับขึ้นในระยะเวลาสั้นจากความต้องการของตลาดที่สูงกว่าปกติในช่วงวันสำคัญ เช่น ผักกวางตุ้ง 80 บาทต่อกิโลกรัม ปรับเป็น 100 บาทต่อกิโลกรัม,ต้นหอม 50 บาทต่อกิโลกรัม ปรับเป็น 90 บาทต่อกิโลกรัม,คะน้าฮ่องเต้ 100 บาท ปรับเป็น 120 บาทต่อกิโลกรัม ,ถั่วลันเตา 100 บาทต่อกิโลกรัม ปรับเป็น 150 บาทต่อกิโลกรัม
เห็ดฟาง และ เห็ดนางฟ้า ซึ่งนิยมซื้อไปประกอบอาหารเจ จากราคา 100 บาทต่อกิโลกรัม ปรับเป็น 150 บาทต่อกิโลกรัม เฉลี่ยราคาผักปรับขึ้น 10 -50 บาทต่อกิโลกรัม
เป็นเทรนด์กระแสในช่วงเทศกาล
วัตถุดิบต่าง ๆ หรืออาหารพอปักธงเจ แล้วดูดีมีราคาขึ้นเพราะคนต้องการกินช่วงนี้ ทำให้ราคายิ่งเพิ่มสูง ปกติพ่อค้าแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวปลาอาจจะขายได้ 35-40/ชาม พอเปลี่ยนไปขายก๋วยเตี๋ยวเจปั๊ป ชามละ 45-50 กำไรดีเป็นเท่าตัวเลย ทั้งที่ต้นทุนไม่ได้แพง แต่ด้วยความต้องการของผู้บริโภคในช่วงที่เทศกาล ทำให้อาหารประเภทเจแพงขึ้น
ถ้าต้องการกินเจแบบประหยัด ทำยังไง ?
มื้อเช้าสามารถเลือกทานน้ำเต้าหู้ ราคาไม่ขึ้นแน่นอนไม่ว่าจะเทศกาลไหนๆ น้ำเต้าหู้ยังเป็นเมนูเช้าที่มีราคาถูกอยู่เสมอ และ เลือกใส่พวกธัญพืชต่างๆ เช่น งาดำ ลูกเดือย จะช่วยให้อิ่มท้องได้มากขึ้น
มื้อกลางวันนั้นอาหารเจมีขายทั้งตามสั่งและข้าวราดแกง ส่วนใหญ่จะราคาไม่แพงหากเป็นร้านธรรมดา ๆ หรือบางคนไม่เคร่งขนาดว่าต้องกินแต่ร้านที่ติดธงเจ ก็สามารถเลือกอาหารได้มากขึ้นคือ ไม่สั่งที่มีเนื้อสัตว์มาทาน บอกแบบนี้หลายคนอาจบอกว่ามันก็ผิดข้อห้ามเจ แต่ในความเป็นจริงแต่ละคนมีสถานการณ์ที่ต่างกัน ดังนั้นหากคิดว่าการไม่ทานเนื้อสัตว์ก็ถือเป็นการทานเจ ก็ได้บุญด้วยเช่นกันและอาจประหยัดกว่าการเลือกซื้อจากร้านที่มีธงเจด้วย
มื้อเย็นอาจจะทำกินเองง่าย ๆ แค่ไม่ใส่เนื้อสัตว์ ไม่ทานผักต้องห้ามของอาหารเจ เราสามารถนำมาวัตถุดิบมาดัดแปลงได้ ส่วนเครื่องปรุงก็ไม่ใส่ผงชูรส ไม่ใส่รสดี หรือ ยี่ห้ออื่น ๆ ใช้แต่เกลือ น้ำตาล ซีอิ๊วขาว และอาหารไทยทุกชนิดดัดแปลงไม่ใส่เนื้อสัตว์ก็เป็นอาหารเจได้แล้ว เพราะเครื่องปรุงหลัก ๆ เพราะพริกแกงนั้นไม่มีเนื้อสัตว์ปนอยู่แล้ว เราสามารถปรุงเองได้ โดยไม่ใส่กระเทียม และ กะปิ แค่นี้ก็เป็นน้ำพริกแกงสำหรับอาหารเจแล้ว หรือ จะซื้อสำเร็จก็มีขาย
แนะนำให้ซื้อพวกผักติดตู้เย็นไว้เลย
อย่างเช่น เห็ดชนิดต่าง ๆ ผักที่เราทานง่าย ๆ เช่น แครอท กระหล่ำ ผักกาดขาว ผักบุ้ง หรือผักอื่น ๆ เพราะการที่เราซื้อไว้แล้วทยอยทำทานจะถูกกว่าการไปซื้อทาน หรือ ทำทีซื้อที และผักบางชนิดที่กล่าวมาราคาไม่แพงมากเกินไปจากปกติด้วย หรือ หากยังกลัวแพงแนะนำให้เลือกผักที่ไม่ค่อยสวย ผักที่มีแมลงเจาะ ผักพวกนี้ราคาจะถูกคนไม่ค่อยซื้อ ผักพวกนี้ไม่มียาฆ่าแมลงแน่นอน หากมีรอยแมลงเจาะรับรองว่าปลอดภัย แค่มันไม่สวยเท่านั้นเอง เรามาตัดแต่งล้างให้สะอาดก็ทานได้แล้ว
แนะนำให้ซื้อตามตลาดสดราคาจะถูกกว่าตามห้างสรรพสินค้า เพราะบางตลาดยังขายผักแบบถูกๆกันอยู่เช่นตามตลาดนัด จะขายเป็นจาน ๆ หรือ เป็นกำ ๆ ซึ่งบางทีมีแบบ 3 กำ 10 บาท หรือ จานละ 20 บาท ซื้อตุนไว้ทำได้หลายมื้อเลยทีเดียว
แม้ว่าการทานเจจะเป็นการทำบุญ แต่ทานแล้วลำบากกระเป๋าเงินตัวเองก็เป็นการสร้างบาปเสียเปล่าๆ ทำในแบบที่ทำได้ แค่ตั้งใจจริงก็ได้บุญแล้วเหมือนกัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง