สดุดี ครูมิ้ม ช่วยนร.จนนาทีสุดท้าย เศร้า เหลือไม่กี่วันจบฝึกสอน
ร่วมสดุดี “ครูมิ้ม” นิสิตวิทยาลัยสงฆ์อุทัยธานี วีรสตรีช่วยนักเรียนจากเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาจนวินาทีสุดท้าย มจร ชื่นชมในความกล้าหาญ ยิ่งอ่านยิ่งเศร้า เหลืออีก 1 สัปดาห์ก็จะจบฝึกสอนก้าวสู่อาชีพครูตามฝัน
เปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำเผาผลาญรถบัสนักเรียน บริเวณริมถนนวิภาวดีฯ ไม่เพียงแต่คร่าชีวิตเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาไปถึง 23 ชีวิต หากแต่ยังได้พรากดวงวิญญาณของ “ครูมิ้ม” หรือ นางสาวสริญญา หอมเกษร นิสิตสาววัย 22 ปี ผู้กำลังเบ่งบานในรั้ววิทยาลัยสงฆ์อุทัยธานี ไปพร้อมกับเปลวเพลิงนั้นด้วย
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2567 พระราชวัชรสารบัณฑิต หรือ เจ้าคุณประสาร รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ได้ออกมาเปิดเผยว่า หนึ่งในผู้เสียชีวิตคือ “ครูมิ้ม” นางสาวสริญญา หอมเกษร นิสิตชั้นปีที่ 4 วิทยาลัยสงฆ์อุทัยธานี ซึ่งกำลังฝึกสอนอยู่ที่โรงเรียนดังกล่าว
เจ้าคุณประสาร กล่าวว่า มจร ได้รับรายงานจากพระราชอุทัยโสภณ(มนัส) เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี เจ้าอาวาสวัดหนองขุนชาติ และผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์อุทัยธานี ถึงการสูญเสียครั้งนี้ โดยครูมิ้ม เป็นนิสิตหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ฝึกสอนในโรงเรียนดังกล่าวตามหลักสูตร
ทางด้านของ มจร.วิทยาลัยสงฆ์อุทัยธานี ก็ได้โพสต์แสดงความอาลัยต่อการจากไปของครูมิ้มว่า
“ขอไว้อาลัย ต่อการจากไปของนิสิต คุณครู สริญญา หอมเกษร (ครูมิ้ม) เธอ….ผู้มีจิตวิญญาณความเป็น “ครู” อย่างเปี่ยมล้น เธอ….ผู้มีความกล้าหาญ หนักแน่น เด็ดเดี่ยว ปกป้องลูกศิษย์จนวินาทีสุดท้าย ด้วยชีวิต ขอเรียกเธอ “คุณครู” ด้วยหัวใจ คุณครู สริญญา หอมเกษร (ครูมิ้ม) (นิสิตฝึกประสบการณ์วิชาชีพ หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา วิทยาลัยสงฆ์อุทัยธานี รุ่นที่ ๒) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์อุทัยธานี ขอให้คุณครูทุกท่าน นักเรียนทุกคน ที่ประสบเหตุในครั้งนี้ จงไปสู่สุคติ และขอแสดงความเสียใจแด่ครอบครัวผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ทุกครอบครัว”
ครูมิ้มจากไปขณะปฏิบัติหน้าที่อันทรงเกียรติ ในฐานะ “ครูฝึกสอน” ณ โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม เหลือเวลาอีกเพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น เธอก็จะสำเร็จการศึกษา ก้าวขึ้นเป็น “ครู” เต็มตัว ทว่าโชคชะตากลับโหดร้าย พรากฝัน พรากอนาคตอันสดใสของเธอไปอย่างไม่มีวันกลับ
ครูมิ้ม เกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2545 ก้าวเท้าเข้าสู่รั้ววิทยาลัยสงฆ์อุทัยธานี เมื่อปี 2564 ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม และหัวใจเปี่ยมด้วยความใฝ่ฝัน ตลอดระยะเวลา 4 ปี เธอได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ความอ่อนโยน และน้ำใจอันงดงาม จนเป็นที่รักของเพื่อน ๆ และครูบาอาจารย์ เรียกว่าเป็น “นิสิตจิตอาสา” ที่พร้อมช่วยเหลือกิจกรรมต่างๆ ของวิทยาลัยด้วยความเต็มใจ
นอกจากนี้ครูมิ้มยังเป็นคนที่อัธยาศัยไมตรีดี รอยยิ้มอันสดใส คำพูดจาไพเราะอ่อนหวาน และความมีน้ำใจ หล่อหลอมให้เธอเป็นที่รักของทุกคน มิตรภาพที่งดงามเบ่งบานในใจของผู้ที่พบเจอ ราวกับดอกไม้แรกแย้ม ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว
แม้ชีวิตจะดับสูญ แต่คุณงามความดีของครูมิ้มจะยังคงอยู่ เป็นแบบอย่าง เป็นแรงบันดาลใจ ชี้ทางให้คนรุ่นหลังได้เดินตาม ความรัก ความเสียสละ และวีรกรรมของเธอ จะถูกจารึกไว้ในความทรงจำ เป็นบทเพลงแห่งความดีงาม ที่ขับขานไปชั่วนิรันดร์
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง