เปิดโทษ 5 ข้อหาหนัก ‘คนขับ’ รถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ ยอดเสียชีวิต 23 ศพ
เปิดโทษ ‘คนขับรถบัส’ หลังเข้าพบตำรวจ เล่านาทีเกิดเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งแล้ว 5 ข้อหา ทั้งอาญา และ พ.ร.บ.จราจรทางบก
สืบเนื่องจากกรณีที่ ‘คนขับรถบัส’ หายตัวไป หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาของเด็กนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม ณ ถนนวิภาวดีรังสิต ขาเข้า หน้าห้างเซียร์รังสิต และภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กดดัน และติดตามเส้นทางการหลบหนีของโชเฟอร์คนดังกล่าว ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวันเกิดเหตุ (1 ตุลาคม 2567) นายสมาน อายุ 48 ปี ได้ประสานเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.วิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
ภายหลังสอบปากคำเสร็จสิ้น ล่าสุดวันนี้ (2 ตุลาคม 2567) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวคนขับ ‘นายสมาน’ (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี มาให้ปากคำที่ สภ.คูคต จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายสมาน รวมทั้งสิ้น 5 ข้อหาหนัก ดังนี้
1. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท
2. พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 43 (4) ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 400 บาท ถึง 1,000 บาท
3. พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 157 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 43 (4) ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 400 บาท ถึง 1,000 บาท
4. พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 78 ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล และไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือ ซึ่งมีบทลงโทษตามมาตรา 160 วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” และวรรคสอง ซึ่งบัญญัติว่า “ถ้าการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 เป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือตาย ผู้ไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือนหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
5. พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 160 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 จนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือนหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ย้อนผลการสอบปากคำ ‘คนขับรถบัส’
พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เผยผลการสอบปากคำ ‘นายสมาน’ ว่า โชเฟอร์รายนี้ให้การอ้างว่า ตนขับรถบัสมาเป็นคันที่ 2 จากทั้งหมด 3 คันของขบวน ขับด้วยความเร็วประมาณ 70 – 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ณ จุดเกิดเหตุ รถเสียหลักคล้ายตกหลุม ส่งผลให้เกิดยางระเบิดหรือถุงลมแตกก็ไม่ทราบได้
จากนั้นรถเอนไปทางด้านขวาและเฉี่ยวชนกับรถเบนซ์ พยายามที่จะประคองรถไว้ แต่รถก็ไปครูดกับแท่นแบริเออร์ จนเกิดประกายไฟ ตนวิ่งไปหยิบถังดับเพลิงที่รถบัสคันหลัง แต่คุมเพลิงไม่อยู่ ยอมรับรู้สึกตกใจจึงตัดสินใจหลบหนีไปอยู่ที่บ้านญาติในจังหวัดอ่างทอง
ข้อมูลจาก skyinterlegal, ห้องสมุดศาลยุติธรรม และ กระทรวงยุติธรรม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง