กรมสุขภาพจิต ขอไว้อาลัยอย่างเหมาะสม เลี่ยงตัดต่อภาพ AI
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ขอความร่วมมือเขียนข้อความไว้อาลัยอย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงการสร้างภาพประกอบขึ้นมาใหม่ หรือใช้ AI แต่งรูปเร้าอารมณ์ผู้ที่กำลังโศกเศร้า
จากกรณีโศกนาฏกรรมรถบัสทัศนศึกษา “โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม” อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เกิดเหตุไฟไหม้จนนำมาซึ่งความสูญเสีย โดยตอนนี้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานยืนยันพบ 23 คน เสียชีวิตในรถบัสไฟไหม้ เป็นชาย 11 คน หญิง 7 คน และระบุเพศไม่ได้ 5 คน
ด้วยเหตุนี้เพื่อเป็นการเคารพและให้เกียรติแก่คอรบครัวผู้สูญเสีย ล่าสุด กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ออกมาเน้นย้ำถึงการไว้อาลัยผู้สูญเสียอย่งาเมหาะสม นอกจากงดแชร์ภาพผู้ประสบเหตุแล้ว ยังได้ขอความร่วมมือหลีกเลี่ยงการวาดภาพประกอบขึ้นมาใหม่หรือสร้างภาพจาก AI ที่จะเร้าอารมณ์ของผู้ที่กำลังโศกเศร้า
ทั้งนี้ กรมสุขภาพจิต แนะแนวทางในการดูแลญาติและครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ดังนี้
- แจ้งการสูญเสียด้วยความเห็นอกเห็นใจ เข้าใจ
- แสดงความเสียใจเป็นข้อความหรือการ์ด
- ให้ข้อมูลความรู้สุขภาพจิตเบื้องต้น
- ให้คำแนะนำการปรับตัว การดูแลสุขภาพ ติดต่อสังคมเพื่อนฝูง การไว้อาลัยที่สามารถทำได้
- ประเมินสุขภาพจิต ถ้าพบความเสี่ยงควรส่งต่อทันที
- สนับสนุนให้ตั้งกลุ่มเพื่อน เพื่อช่วยเหลือกันเอง
ด้าน สถาบันนิติเวชโรงพยาบบาลตำรวจ ยกเว้นค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการรับศพอุบัติเหตุรถบัสไฟไหม้ทั้งหมด มูลนิธิร่วมกตัญญช่วยเหลือเรื่องโลงศพและรถไปส่งให้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลาประมาณ 3 ทุ่มของวานนี้ นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมาพร้อมนักเรียนที่ปลอดภัยจากอุบัติเหตุรถบัสทัศนศึกษาฯ โดยสารมาพร้อมรถบัส รวมจำนวน 3 คัน กลับมายังโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี มีนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รอรับนักเรียนและครูเพื่อดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ แล้วส่งต่อนักเรียนเข้าสู่อ้อมอกครอบครัวรับกลับบ้าน
ส่วนในด้านการพิสูจน์อัตลักษณ์ ทางตำรวจภูธรจังหวัดอุทัยธานี ได้แจ้งว่าจะจัดทีมพิสูจน์อัตลักษณ์มาดำเนินการพิสูจน์อัตลักษณ์ที่โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ตั้งแต่เวลา 08.00 น. สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพื้นที่ใกล้เคียง สามารถเดินทางไปพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ที่ รพ.ตำรวจ อาคารนิติเวช ชั้น 3.
อ่านข่าวเพิ่มเติม