เปิดมูลมูลเหตุ นายอำเภอยิงผู้พิพากษา ในรัฐเคนตักกี้ ทั้งที่เป็นเพื่อนกันมา 20 ปี คาดปมขัดแย้งเรื่องคดีอื้อฉาวทางเพศเมื่อหลายปีก่อน
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานคดีสังหารสุดช็อก ผู้พิพากษารัฐเคนตักกี้ ถูกยิงเสียชีวิต มือปืนคือนายอำเภอ ผู้เป็นเพื่อนสนิท ตำรวจกำลังสอบสวนว่าสาเหตุอาจเกี่ยวข้องกับคดีอื้อฉาวทางเพศหรือไม่
นายอำเภอชอว์น “มิกกี้” สไตน์ส์ จากเขตเลทเชอร์ (Letcher County) เป็นเพื่อนสนิทกับผู้พิพากษาเควิน มัลลินส์มานานหลายสิบปี ทั้งคู่เพิ่งทานอาหารกลางวันด้วยกันเมื่อวันที่ 19 กันยายน ก่อนที่สไตน์ส์จะบุกเข้าไปในห้องพิจารณาคดี ใช้ปืนยิงมัลลินส์ถึง 8 นัด
ภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องทำงานของผู้พิพากษาแสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนมีการแลกเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือกันและดูบางอย่างในเครื่อง ก่อนที่นายอำเภอจะเดินไปยิงมัลลินส์เสียชีวิต ตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้ยึดโทรศัพท์ทั้งสองเครื่องเพื่อตรวจสอบแล้ว
เมื่อถูกถามว่าคดีนี้มีการพิจารณาประเด็นอื้อฉาวทางเพศเป็นมูลเหตุด้วยหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่า “แน่นอน เราไม่ตัดความเป็นไปได้ใด ๆ ออกไป”
อย่างไรก็ตาม ตำรวจเกย์ฮาร์ต เจ้าของคดีไม่ได้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับคดีอื้อฉาวทางเพศดังกล่าว แต่สไตน์ส์เพิ่งถูกเรียกไปให้ปากคำในคดีฟ้องร้องที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิง 2 คน หนึ่งในนั้นกล่าวหาว่า ฟิลด์ส เจ้าหน้าที่ภายใต้การบังคับบัญชาของสไตน์ส์ บังคับให้เธอมีเพศสัมพันธ์ในห้องทำงานของผู้พิพากษามัลลินส์ มาราธอนนานถึง 6 เดือน เพื่อแลกกับการไม่ถูกจำคุก
คดีฟ้องร้องดังกล่าวกล่าวหาว่าสไตน์ส์ละเลยต่อหน้าที่ในการอบรมและดูแลเจ้าหน้าที่ เบน ฟิลด์ส ซึ่งสารภาพว่ากระทำการข่มขืนผู้ต้องขังหญิงระหว่างที่เธอถูกกักบริเวณที่บ้าน
ฟิลด์สถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน และถูกคุมประพฤติอีก 6 ปีครึ่งในข้อหาข่มขืน ทำอนาจาร เท็จต่อศาล และปลอมแปลงอุปกรณ์ติดตามผู้ต้องขัง แต่ยกฟ้องข้อหา 3 กระทงที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงอีกคน เนื่องจากเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว
ต่อมา สไตน์ส์ได้ไล่ฟิลด์สออกจากตำแหน่งผู้ช่วยนายอำเภอ หลังจากมีการฟ้องร้องในปี 2022 อ้างเหตุ “ความประพฤติที่ไม่เหมาะสม”
สไตน์ส์และมัลลินส์เป็นเพื่อนสนิทกันมากว่า 20 ปีก่อนเกิดเหตุสังหาร สไตน์ส์เคยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาของมัลลินส์ก่อนที่จะได้เป็นนายอำเภอในปี 2018
“ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าพวกเขามีความขัดแย้งกัน จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์นี้ พวกเราเข้ากันได้ดี หยอกล้อกันเป็นปกติ” ไมค์ วัตส์ เสมียนศาลเขตเลทเชอร์ กล่าวกับสื่อ
ทั้งสองยังเคยทำงานร่วมกันในโครงการบำบัดและฟื้นฟูจากการติดยาเสพติด โดยเน้นการให้การศึกษากับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโอปิออยด์
หลังการยิง สไตน์ส์ออกมาจากห้องพิจารณาคดีพร้อมชูมือยอมจำนน อย่างไรก็ตาม เขาได้ให้การปฏิเสธข้อหาฆาตกรรมระดับแรก (First-degree murder)
