ศาลฎีกาลงดาบ แบน สว.สมชาย เล่งหลัก ห้ามลงเลือกตั้ง 10 ปี คดีซื้อเสียง
ศาลฎีกาประกาศคำพิพากษา “สว. สมชาย เล่งหลัก” เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี จากปมคดีซื้อเสียง เจ้าตัวยันต่อสู้ถึงที่สุดในศาล รธน.
เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 ศาลฎีกา ออกประกาศแจ้งคำสั่งศาลฎีกา คดีเลือกตั้งหมายเลขดำที่ ลต สส 4/2567 หมายเลขแดงที่ 338/2567 ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ร้อง นายสมชาย เล่งหลัก ผู้คัดค้าน เรื่อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง)
ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายสมชาย เล่งหลัก ผู้คัดค้าน เป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา
ย้อนความก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ นายสมชาย เล่งหลัก ผู้สมัคร สส.สงขลา เขต 9 พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. มาตรา 73 (1) ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง และให้ดำเนินคดีอาญาแก่ นายสมชาย เล่งหลัก นายวินัย บัวทอง และ พ.ต.อ.ถวัลย์ นคราวงศ์ ตามมาตรา 73 (3) ประกอบมาตรา 158 วรรคหนึ่งของกฎหมายเดียวกัน
กรณี ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นายสมชาย ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลทั้งสองจัดเตรียมเพื่อจะให้เงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง ซึ่งเป็นการทุจริตเลือกตั้ง อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. 2561 มาตรา 73 (1) ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนายสมชาย ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม
ทั้งนี้ นายสมชาย เล่งหลัก ปัจจุบันเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ (กลุ่ม 19) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงคำพิพากษาดังกล่าวว่า ตนรับทราบคำสั่งศาลฯเรียบร้อย เนื่องจากฝ่ายทนายได้แจ้งมาแล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะต้องชี้แจงและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาต่อว่าจะให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สว. หรือไม่ โดยจะเริ่มดำเนินการหลังคัดคำสั่งศาลด้วยทนายต่อไป
ส่วนเรื่องแนวทางการต่อสู้คดี ตนจะนำเรื่องไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นด่านสุดท้าย เนื่องจากว่า กกต. ร้องตนโดยไม่ชอบ เพราะวันที่กล่าวหานั้น พยานหลักฐานของกกต. ไม่ได้นำแสดงว่าเป็นของกลาง อีกทั้งตนได้เดินทางไปที่ได้เดินทางไปที่ศาล และจากคำให้การพยานของกกต. จึงทราบได้ว่ามีลักษณะเหมือนกับจัดฉาก หรือเป็นคู่แข่งทางการเมือง ซึ่งตนก็ต้องต่อสู้คดีในส่วนนี้ต่อไป
“ยืนยันว่า การยื่นศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นด่านสุดท้ายในการสู้คดีนี้ และมีความมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากกกต. ฟ้องร้องผมโดยไม่ชอบ” นายสมชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม บุคคลในบัญชีรายชื่อสำรองที่อาจจะได้ขึ้นมาเป็น สว. แทนนายสมชาย คือ นายธนัชญ์พงศ์ วงศ์มุลาลี จาก จ.มหาสารคาม อายุ 56 ปี ซึ่งระบุอาชีพในแอปฯ SmartVote ว่าค้าขาย ประวัติการศึกษาจบปริญญาตรี การศึกษาบัณฑิต (กศบ.) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม และจบการศึกษาระดับปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (รปม.) มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อ่านคำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล 8 ต่อ 1 ตัดสิทธิ กก.บห. 10 ปี
- สว.หมอเกศ เสนอคุมสื่อออนไลน์ เหตุเป็นภัยมั่นคงชาติ โซเชียลลุกฮือ โต้ดาวสภา
- ศาลจีน พิพากษาจำคุก อดีตผู้ว่าคนสวย 13 ปี มีสัมพันธ์กับลูกน้อง 58 คน