“หวางหนาน” หญิงแกร่ง ผู้รอดชีวิตจากเหตุฆาตกรรม ถูกอดีตสามีผลักตกผาแต้ม สู่การเป็นแม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่หลัง 5 ปีแห่งฝันร้าย
ห้าปีหลังจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่สามีพยายามฆ่าเธอโดยผลักตกหน้าผาที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ประเทศไทย หวางหนาน หญิงชาวจีนผู้เข้มแข็ง ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้คนทั่วโลกอีกครั้ง ด้วยการประกาศข่าวดีว่าเธอได้ให้กำเนิดลูกชายด้วยวิธีการปฏิสนธิในหลอดแก้ว (IVF)
เส้นทางชีวิตของหวางหนานไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอต้องเผชิญกับการผ่าตัดหลายครั้งและใช้ชีวิตบนรถเข็นนานถึง 3 ปี กว่าจะกลับมาเดินได้อีกครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา และในที่สุด เธอก็ได้เติมเต็มชีวิตด้วยการมีลูกชายในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันของครอบครัวตามประเพณีจีน
ข่าวดีนี้ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากแฟน ๆ และชาวเน็ต โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียจีน ที่มีผู้คนเข้ามาแสดงความยินดีและชื่นชมในความเข้มแข็งของเธออย่างล้นหลาม หัวข้อข่าวเกี่ยวกับการให้กำเนิดลูกชายของหวางหนานมียอดเข้าชมบน Weibo มากกว่า 35 ล้านครั้ง สะท้อนให้เห็นถึงแรงบันดาลใจที่เธอได้มอบให้กับผู้คนมากมาย
“ฉันซาบซึ้งจนน้ำตาซึมอีกครั้ง ขอแสดงความยินดีกับการเกิดของลูกของเธอ หวังสมควรได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในโลกนี้” หนึ่งในคอมเม้นท์ที่แสดงความยินดีกับเธอ
แม้ว่าหวางหนานจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่สดใส แต่เธอยังคงต้องเผชิญกับคดีความที่ยังค้างคาอยู่กับอดีตสามี โดยเธอได้ยื่นฟ้องหย่าเมื่อปีที่แล้ว และคดีนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
ปัจจุบัน หวางหนานอาศัยอยู่ในเมืองหางโจว และประสบความสำเร็จในการสร้างธุรกิจขายเครื่องสำอางผ่านการไลฟ์สตรีมมิ่งบน Douyin ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 4.4 ล้านคน เธอได้พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้จะเผชิญกับความยากลำบากและความเจ็บปวดเพียงใด แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความหวัง เธอก็สามารถก้าวผ่านมันไปได้ และสร้างชีวิตใหม่ที่สวยงามได้อีกครั้ง
เรื่องราวของหวางหนานเป็นเครื่องเตือนใจให้เราทุกคนว่า ไม่ว่าจะเจอกับอุปสรรคใดในชีวิต ขอเพียงไม่ยอมแพ้และมีความหวัง เราจะสามารถผ่านพ้นมันไปได้ และพบกับความสุขที่รอเราอยู่ข้างหน้า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ย้อนคดีดัง ผัวจีนผลักเมียท้องตกผาในไทย คุกยาว 33 ปี ผ่านมา 5 ปีไม่ลืมบุญคุณ
- นทท.สาวจีน กอดขอบคุณจนท.ทั้งน้ำตา จากเหตุ ตกหน้าผา เมื่อ 5 ปีที่แล้ว
- ของดีเมืองไทย แนะนำ 8 อุทยานแห่งชาติ สวยที่สุดในไทย
อ้างอิง : South China Morning Post
