ผลเลือกตั้งซ่อม พิษณุโลกเขต 1 พรรคเพื่อไทย จเด็ศ ชนะ พรรคประชาชนฉิวเฉียด
15 ก.ย. 67 รายงานผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพิษณุโลก เขตเลือกตั้งที่ 1 แทนตำแหน่งที่ว่าง “อย่างไม่เป็นทางการ” ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดในเขตนี้มีจำนวน 138,705 คน จากจำนวนนี้มีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 35,630 คน คิดเป็น 50.96% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด โดยมีจำนวนหน่วยเลือกตั้งทั้งสิ้น 208 หน่วย
ผู้สมัครหมายเลข 1 นายณฐนน ชนะบูรณาศักดิ์ จากพรรคประชาชน ได้รับคะแนนเสียง 14,020 คะแนน
ขณะที่ผู้สมัครหมายเลข 2 นายจเด็ศ จันทรา จากพรรคเพื่อไทย ได้รับคะแนนเสียง 18,166 คะแนน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้คะแนนเสียงสูงที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้
นอกจากนี้ มีจำนวนบัตรดีทั้งหมด 32,323 ใบ บัตรเสีย 499 ใบ และบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 3,266 ใบ
พรรคประชาชน ได้ออกแถลงการณ์หลังทราบผลเลือกตั้งว่า “พรรคประชาชนขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงจากชาวพิษณุโลกเขต 1 ที่มอบให้กับ “โฟล์ค ณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์”
เราเชื่อเสมอว่า ทุกการเลือกตั้งคือโอกาสในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ถึงแม้วันนี้เราจะยังทำไม่สำเร็จ ยังไม่ได้รับโอกาสเข้าไปทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรให้กับประชาชนชาวพิษณุโลก แต่พรรคประชาชนพร้อมเดินหน้าทำงานต่อเนื่อง ผลักดันการเปลี่ยนแปลงผ่านกลไกสภาผู้แทนราษฎร สร้างการเมืองที่จริงใจ ตรงไปตรงมา เพื่อยืนยันว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน”
เท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวว่า กราบเรียนประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดที่เคารพครับ
ก่อนอื่น ผมขอขอบพระคุณพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อมพิษณุโลก เขต 1
และต้องขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับการเลือกตั้ง (ผลอย่างไม่เป็นทางการ) คุณจเด็ศ จันทรา ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย เบอร์ 2
พรรคประชาชน พร้อมเดินหน้าทำงาน รับใช้พ่อแม่พี่น้องประชาชน ตามแนวทางและอุดมการณ์เดิมต่อไป
ผมอยากกล่าวคำขอบคุณให้กำลังใจคุณโฟล์ค รวมถึงทีมผช.หาเสียง เพื่อนสส. ทีมงานหลังบ้าน รวมถึงผู้สนับสนุนพรรคทุกคน ทุกคนคือความภาคภูมิใจของผม และพ่อแม่พี่น้องประชาชน ผู้ทรงอำนาจสูงสุดครับ
การเลือกตั้งซ่อม เขต 1 พิษณุโลกครั้งนี้ ทุกคนทำอย่างเต็มที่ ดีที่สุดแล้ว นี่คือสิ่งที่พวกเราทุกคนควรภาคภูมิใจ ไม่มีสิ่งใดต้องเสียใจ
ทุกการเลือกตั้ง มีแพ้ มีชนะ มีปัจจัยหลายอย่าง ที่ส่งผลต่อการแพ้ชนะ
สำหรับผม สิ่งเดียวที่ผลการเลือกตั้งครั้งนี้บอกกับพวกเราก็คือ หนทางในการเปลี่ยนแปลงการเมือง เพื่อทำให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนนั้นไม่ง่าย และเป็นการต่อสู้ระยะยาว ที่พวกเราต้องเดินหน้ากันต่อไป
ซึ่งผมมั่นใจในตัวโฟล์คและเพื่อนที่ร่วมเดินทางกันมาตั้งแต่สมันอนาคตใหม่
ณ วันนั้นเราตัดสินใจมาทำงานการเมืองเพราะไม่ได้คาดหวังในชัยชนะที่จะได้มาในระยะสั้น ๆ
แต่เราต้องการเข้ามาทำงานการเมืองระยะยาว เก็บชัยชนะทีละเล็กทีละน้อย แพ้บ้าง ชนะบ้าง แต่ทำอย่างไรให้ทุก ๆ การแพ้ คือชัยชนะย่อม ๆ ที่เรารุกคืบเข้าไปอยู่ในใจพ่อแม่พี่น้องประชาชนได้มากขึ้นทีละขั้น
เดินหน้าทำงานรับใช้ประชาชน สร้างรัฐบาลแห่งการเปลี่ยนแปลงกันต่อครับ
