นับถอยหลัง 3 วัน ลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 1 หมื่น สำหรับผู้ที่มีสมาร์โฟน ผ่านแอปฯ ทางรัฐ ก่อนจะหมดเขต 15 ก.ย. 67
เข้าสู่โค้งสุดท้าย ลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 10,000 บาทของกลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟน สำหรับใครที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน โปรดรีบดำเนินการผ่านแอปฯ ทางรัฐ ภายในวันที่ 15 กันยายนนี้ มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ์โดยอัตโนมัติ โดยสามารถเช็กเงื่อนไขผู้ได้รับสิทธิ, วิธีลงทะเบียน และการตรวจสอบสิทธิ ดังนี้
ใครลงทะเบียนรับเงินดิจิทัลได้บ้าง
1. ประชาชนที่มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน
2. สัญชาติไทย
3. มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ปิดรับลงทะเบียน (15 ก.ย. 67)
4. เป็นผู้ที่มีไม่เป็นผู้มีรายได้เกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566 โดยกรมสรรพากรประมวลผลข้อมูล ผู้มีรายได้ 7 วัน ก่อนเปิดลงทะเบียนโครงการ
5. ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันเกิน 500,000 บาท โดยเงินฝากดังกล่าวหมายความถึงเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทเท่านั้น และไม่รวมถึงเงินฝากในบัญชีร่วม และเป็นเงินฝาก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 โดยตรวจสอบทั้งหมด 6 ประเภท ได้แก่
- เงินฝากกระแสรายวัน
- เงินฝากออมทรัพย์
- เงินฝากประจำ
- บัตรเงินฝาก
- ใบรับฝากเงิน
- ผลิตภัณฑ์เงินฝากในชื่อเรียกอื่นใดที่มีลักษณะเดียวกับข้อ (1) – (5)
6. ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ
7. ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการโครงการอื่น ๆ ของรัฐ
8. ไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการหรือโครงการอื่น ๆ ของรัฐ
วิธีลงทะเบียนแอปฯ ทางรัฐ
1. ดาวน์โหลดแอปฯ ทางรัฐ ได้ทั้งระบบ IOS และ Android ผ่าน App Store และ Google Play
สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ (Android) >>> Android
สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ ไอโอเอส (IOS) >>> IOS
2. เข้าสู่แอปฯ กด ‘สมัครสมาชิก’ เลือกสมัครด้วยบัตรประชาชน
3. สแกนหน้าบัตรประชาชนตามคำแนะนำ
4. เช็กข้อมูลส่วนบุคคลว่าถูกต้องตามหน้าบัตรประชาชนหรือไม่
5. กดไปขั้นตอนถัดไป
6. สแกนหลังบัตรประชาชน (Laser Code)
7. อ่านข้อแนะนำในการสแกนใบหน้าของท่าน แล้วกดเริ่มยืนยันตัวตน
8. เริ่มการสแกนใบหน้าของตนเอง ให้อยู่ในกรอบ
9. ตั้งชื่อบัญชีผู้ใช้และรหัสผ่านของท่านในการเข้าสู่แอปฯ จากนั้นกดยืนยัน
10. ตั้งค่า PIN Code ในการเข้าใช้งานแอปฯ ทางรัฐ
11. เปิดใช้งานการสแกนใบหน้า หรือ สแกนลายนิ้วมือของท่านในการเข้าใช้งานแอปทางรัฐ
6 ขั้นตอนตรวจสอบสถานะการรับสิทธิ
1. เปิดแอปฯ ทางรัฐ ทำการเข้าสู่ระบบให้เรียบร้อย จากนั้นกดปุ่ม “ตรวจสอบสถานะ”
2. ระบบจะขออนุญาติเข้าถึงข้อมูล และขอยืนยันเบอร์โทรศัพท์มือถือ เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน ให้ท่านกดปุ่ม “ยืนยันข้อมูล”
3. กรอกเบอร์โทรศัพท์และกดปุ่ม รับรหัสทาง SMS (OTP)
4. กรอกรหัส OTP และกดปุ่ม “ยืนยันโทรศัพท์มือถือ”
5. จากนั้นกดปุ่ม “อนุญาต” ให้แอปฯ เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
6. ระบบจะแสดงผลว่า สถานะในการรับสิทธิ ตามโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ของท่าน อยู่ในขั้นตอนใด
หากอยู่ในขั้นตอนที่ 3 คือ ระบบอยู่ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ
ระบบอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อมูลของผู้ลงทะเบียนกับหน่วยงานของเจ้าของข้อมูลตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการฯ ตามที่คณะกรรมการ นโยบาย และคณะอนุกรรการกำกับฯ กำหนด
หากอยู่ในขั้นตอนที่ 4 คือ ท่านไม่ได้รับสิทธิ
ระบบทำการประมวลแจ้งข้อมูลผู้สมัคร ว่าข้อใดที่ไม่ตรงกับเงื่อนไขประชาชนกลุ่มเป้าหมาย โดยสามารถขอทบทวนสิทธิกับหน่วยงานที่ไม่ผ่านเกณฑ์ก่อนกำหนดการบนแอปฯ ทางรัฐอีกครั้ง ก่อนวันปิดลงทะเบียน 15 ก.ย. 67 ตามขั้นตอนดังนี้
1. กรณีข้อมูลส่วนบุคคลไม่ตรงกับทะเบียนราษฎร์
- หากระบบแสดงผลว่า “ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ตรงกับทะเบียนราษฎร์” ให้กดปุ่ม กรอกข้อมูลอีกครั้ง
- แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้องตามบัตรประชาชนแล้วกด แก้ไขข้อมูล
- ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องกรอกเลขหลังบัตรประชาชนแล้วกด ยืนยันการสมัครอีกครั้ง
2. กรณีรูปถ่ายใบหน้าไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลกับทะเบียนราษฎร์
- หากระบบแสดงผลว่า “รูปถ่ายใบหน้าไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลกับทะเบียนราษฎร์” ให้กดปุ่ม สแกนใบหน้าอีกครั้ง
- อ่านข้อแนะนำในการสแกนใบหน้า แล้วกดปุ่ม เริ่มสแกนใบหน้า
- จัดวางใบหน้าให้อยู่ในกรอบที่กำหนด ระบบจะประมวลผลการสแกนใบหน้าของท่าน
3. กรณีข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลใบหน้าไม่ตรงกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์
- หากระบบแสดงผลว่า “ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลใบหน้าไม่ตรงกับงานข้อมูลทะเบียนราษฎร์” ให้กดปุ่ม สแกนใบหน้าอีกครั้ง
- แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้องตามบัตรประชาชน แล้วกด แก้ไขข้อมูล
- ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง กรอกเลขหลังบัตรประชาชนแล้วกด ยืนยันการสมัครอีกครั้ง
- อ่านข้อแนะนำในการสแกนใบหน้า แล้วกดปุ่ม เริ่มสแกนใบหน้า
- จัดวางใบหน้าให้อยู่ในกรอบที่กำหนด ระบบประมวลผลการสแกนใบหน้าของท่าน
หากอยู่ในขั้นตอนที่ 5 คือ ท่านได้รับสิทธิตามโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต
หลังจากดำเนินการจนมาถึงขั้นตอนที่ 5 แล้ว ประชาชนสามารถตรวจสอบสิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 67
คาดการณ์ได้เงินหมื่นรูปแบบใด
ก่อนหน้านี้มีข้อมูลออกมาว่าเงินปดิจิทัล 10,000 จะถูกแบ่งจ่ายออกเป็น 2 รอบ โดยรอบแรกจะแจกจ่ายภายในปี 2567 ส่วนรอบที่ 2 ต้องรอแถลงการเพิ่มเติมต่อไป มีรายระเอียดดังนี้
- งวดแรก จ่ายคนละ 5,000 บาท หากช่วงนั้นระบบดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่เสร็จสมบูรณ์ อาจจะแจกจ่ายเป็นเงินสด
- งวดที่ 2 จ่ายเพิ่มอีก 5,000 บาท ถ้าระบบการจ่ายเงินสำเร็จ จะเปลี่ยนมาแจกเงินผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ตแทน
สำหรับเงินดิจิทัลวอลเล็ตสามารถนำไปใช้ซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภค ตามรายการดังนี้
เงินดิจิทัล 10,000 ซื้ออะไรได้บ้าง
- สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ เป็นต้น
- เครื่องดื่ม (ไม่มีแอลกอฮอล์) สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก กะปิ น้ำปลา ซอสปรุงรส เป็นต้น
- ยารักษาโรค เช่น ยาแก้ไข ยาแก้ท้องเสีย เป็นต้น
- ธูปเทียนและเครื่องสักการะ ชุดถวายสังฆทาน เป็นต้น
- สินค้าเพื่อการศึกษา เช่น เครื่องแบบนักเรียน เครื่องเขียน สมุด ปากกา ดินสอ เป็นต้น
- สินค้าวัตถุดิบเพื่อการเกษตร เช่น ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช เมล็ดพันธุ์พืช เป็นต้น
- สินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชน เช่น ผักสด ผลไม้ อาหารสด เครื่องจักสาน เป็นต้น
เงินดิจิทัลวอลเล็ต ห้ามซื้อสินค้าอะไรบ้าง
- สลากกินแบ่งรัฐบาล
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ผลิตภัณฑ์ยาสูบ
- กัญชา
- กระท่อม
- พืชกระท่อม
- ผลิตภัณฑ์กัญชาและกระท่อม
- บัตรกำนัล
- บัตรเงินสด
- ทองคำ
- เพชร
- พลอย
- อัญมณี
- น้ำมันเชื้อเพลิง
- ก๊าซธรรมชาติ
- เครื่องใช้ไฟฟ้า
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือสื่อสาร
สำหรับกลุ่มเปราะบางที่จะได้รับเงินเป็นกลุ่มแรกนั้น นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าจะได้รับเงินวันที่ 25 ก.ย. 67 ส่วนกลุ่มอื่น ๆ จะเดินหน้าตามไทม์ไลน์เดิม หากมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง