หญิงป่วยตายโรคตับแข็ง ตั้งแต่อายุน้อย เพราะพลาดทำสิ่งเหล่านี้
อุทาหรณ์เซลล์สาวดับสลด หลังติดกินเลี้ยงปาร์ตี้กับลูกค้า จนเป็นโรคตับแข็ง สุดท้ายอาการลุกลามจนยั้งไม่อยู่ ด้านผู้เชี่ยวชาญตอบชัดสาเหตุ 3 ประการ ทำไมถึงเป็นแบบนี้
เว็บไซต์ประเทศ SOHA รายงานเหตุสลด กรณีนางตรีเยอ เลียน (Trieu Lien) เซลล์สาวในประเทศจีน วัย 44 ปี เสียชีวิตจากโรคตับแข็ง หลังติดนิสัยปาร์ตี้กับลูกค้าบริษัทเป็นประจำ และมีพฤติกรรมการกินที่ไม่สนใจสุขภาพ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีอาการผิดปกติอยู่ก่อนแล้ว
ย้อนไปก่อนหน้านี้ ระหว่างการตรวจสุขภาพประจำปีของบริษัท เลียนพบว่าตัวเองเริ่มมีอาการตับทำงานอย่างผิดปกติ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้เอะใจอะไร และไม่ยอมไปตรวจเช็กอาการที่โรงพยาบาล เนื่องจากคิดว่าการทำงานพบปะลูกค้านั้นสำคัญกว่า จนกระทั่งผ่านไปครึ่งปี ร่างกายเริ่มแสดงอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องอย่างรุนแรง ตาเหลือง ตัวเหลือง และท้องอืด
ทำให้เพื่อนและญาติสังเกตเห็นว่าอาการของเลียนเริ่มแย่ลง จึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจ ซึ่งสุดท้ายเจ้าตัวก็ยอมไปแต่โดยดี โดยผลการตรวจพบว่า เลียนเป็นโรคตับแข็ง มีน้ำในช่องท้อง ทำให้ตับทำงานผิดปกติอย่างรุนแรง แพทย์ที่ดูแลรักษาสั่งให้เข้ารับการรักษา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพบโรคในระยะรุนแรง การรักษาจึงเป็นเรื่องยากมาก ทำให้ถึงแม้แพทย์จะพยายามรักษาอย่างสุดความสามารถ แต่สุดท้ายเลียนก็ได้เสียชีวิตลง
ต่อมาแพทย์ที่ดูแลรักษาเคสเลียนกล่าวว่า ในกรณีของเลียน ผู้ป่วยทำผิดพลาดร้ายแรงสามประการที่ทำให้จากอาการป่วยธรรมดาไปสู่โรคตับแข็ง จนเกิดเป็นเหตุสลด ไม่สามารถรักษาชีวิตได้ทัน ดังนี้
- ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าการทำงานของตับผิดปกติ แต่ไม่ใส่ใจในการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ
- ผู้ป่วยไม่เปลี่ยนแปลงอาหารและวิถีชีวิต ยังคงดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- รับประทานอาหารมัน ๆ เป็นประจำ
ด็อกเตอร์หลิวตรัง (Luu Trang) รองหัวหน้าแผนกโรคติดเชื้อ โรงพยาบาล Dia Dan สังกัดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เผยว่าข้อมูลสุขภาพเกี่ยวกับเคสนี้ว่า ตับเปรียบเสมือนโรงงานแปรรูปสารเคมีของร่างกาย ทำหน้าที่เผาผลาญสารอาหารและกำจัดสารอันตราย ดังนั้น แอลกอฮอล์หรืออาหารที่มีไขมันเมื่อเข้าสู่ร่างกายก็จะถูกเผาผลาญที่ตับด้วย
เนื่องจากแอลกอฮอล์มี เอทานอล เป็นจำนวนมาก และเมื่อเข้าสู่ร่างกาย เอทานอลจะไหลไปตามเลือดไปยังตับและเปลี่ยนเป็นอะซีตัลดีไฮด์ นี่คือสารเมแทบอไลต์ขั้นกลางที่เป็นพิษต่อร่างกาย โดยเฉพาะเซลล์ตับ ทำให้ตัวเอนไซม์อื่น ๆ ในตับ เกิดกระบวนการออกซิเดชัน ส่งผลให้อะซีตัลดีไฮด์เปลี่ยนเป็นกรดอะซิติก จากนั้นสลายตัวเป็น CO2-น้ำ และถูกขับออกไป ทำให้เมื่อดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณและความเข้มข้นสูง ตับต้องทำงานหนักเพื่อเผาผลาญและกำจัดแอลกอฮอล์ ส่งผลให้เกิดเป็นโรคร้ายต่อยอดอย่างโรคตับแข็งนั่นเอง
ทว่าในบางกรณี ตับจะไม่หลั่งเอนไซม์เพียงพอที่จะเปลี่ยนอะซีตัลดีไฮด์เป็นกรดอะซิติก สิ่งนี้สามารถส่งผลต่อการทำงานของตับ นำไปสู่โรคตับอักเสบเมื่อเวลาผ่านไป โรคตับอักเสบหากไม่ได้รับการรักษาจะพัฒนาไปสู่โรคตับแข็งได้
ดังนั้น การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีน้ำหนักเกินและโรคอ้วน ทำให้ไขมันสะสมในตับ เพิ่มภาระการทำงานของตับ ทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับ หากภาวะนี้เกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน รวมกับนิสัยการดื่มสุรา สิ่งนี้จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับแข็งได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ตำรวจ ไม่พบแอลกอฮอล์ คนขับ BMW ชนดะ เจ็บ 9 ราย ให้ประกันแล้ว
- หมอเฉลยแล้ว กฎ 3 วินาที อาหารตกพื้น เชื้อโรคไม่เห็น ยังกินต่อได้จริงหรือ?
- ‘ไซโค ซิด’ ตำนานนักมวยปล้ำ ดีกรีแชมป์โลก เสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็ง