อินฟลูฯแจงดราม่า “คาเฟ่พิษณุโลก” ไม่ได้ขอกินฟรี แค่เข้าใจผิด
อย่าเล่าไม่หมดจนทำคนเข้าใจผิด! อินฟลูเอนเซอร์สาวสวนกลับคาเฟ่ดังจังหวัดพิษณุโลก แฉกลับพูดความจริงไม่หมด พร้อมยกหลักฐานข้อกำหนดการทำงานของโครงการ Gastronomy Tourism
จากกรณีดราม่า คาเฟ่ในจังหวัดพิษณุโลก ที่ออกมาแฉพฤติกรรมอินฟลูเอนเซอร์สาวชื่อดังขอทานฟรี ล่าสุด อินฟลูฯ คนดังกล่าวได้ออกมาชี้แจงผ่านโซเชียลมีเดีย ยืนยันว่าเป็นเพียงความเข้าใจผิด และไม่ได้มีเจตนาไปทานของใครฟรี ๆ อินฟลูเอนเซอร์ระบุว่า ทางร้านได้เข้าร่วมโครงการอบรมและถ่ายภาพโปรโมตร้านฟรี ซึ่งทีมงานได้ประสานงานล่วงหน้าและเดินทางไปถ่ายทำตามกำหนด โดยไม่ได้รบกวนลูกค้าท่านอื่น
“แล้วถ้าทางร้านไม่อยากให้ไปถ่ายโปรโมท จะลงชื่อในโครงการทำไม (อบรมฟรี ถ่ายฟรี โปรโมทฟรี) ถ้าไม่สะดวกให้ไปถ่ายก็สามารถ cancel ได้ แต่ทางร้านก็ไม่ cancel”
นอกจากนี้ อินฟลูสาวยังได้อุดหนุนร้านด้วยการสั่งอาหารและเครื่องดื่มมูลค่ารวมกว่า 900 บาท จึงสงสัยว่าทำไมทางเจ้าของร้านถึงเล่ารายละเอียดไม่ครบแบบนี้
“พวกเราได้อุดหนุนสั่งทานที่ร้าน และสั่งกลับบ้านอีกประมาณ 900 บาท ทำไมทางร้านไม่เห็นพูดถึงส่วนนี้ แต่จงใจใช้คำพูดให้เข้าใจผิดว่าพวกเราสั่งเยอะแล้วไม่จ่ายเงิน”
ส่วนประเด็นเรื่องค่าอาหารที่เข้าใจผิดว่าทางร้านจะซัพพอร์ตให้ ทีมงานได้ขอโทษและขอจ่ายเงินตั้งแต่อยู่ในร้านแล้ว แต่อีกฝ่ายแจ้งว่าจะซัพพอร์ตให้เอง
“เรื่องค่าอาหารที่เราเข้าใจผิดว่าทางร้านจะซัพพอร์ตให้ ทีมงามขอโทษทางร้านและขอจ่ายเงินตั้งแต่อยู่ในร้านแล้ว แต่ทางร้านแจ้งว่าเดี๋ยวซัพพอร์ตส่วนนี้ให้ก็ ซึ่ง ในกรณีนี้ทางร้านสามารถแจ้งกับเราตรงๆแต่แรกได้เลยว่าไม่สะดวก แต่กลับออกมาโพสว่าทางเรา”
“อาหารที่เราไปถ่าย ทางร้านจัดมาให้ทั้งหมด 3 ชุด รวมราคาประมาน 300 กว่าบาท ขณะถ่ายมีลูกค้าเดินเข้ามาใช้บริการ 1 คน และตอนที่เราจะกลับมีเดินเข้ามาอีก 1 คน ซึ่งตอนที่ถ่ายไม่ได้รบกวนลูกค้าท่านอื่นเลย…เรื่องวีดีโอ ทางเราอยากถ่ายออกมาให้ดูน่าสนใจที่สุด จึงรบกวนทางเจ้าของร้านถ่ายตอนเสิร์ฟอาหาร และรินน้ำใส่แก้ว ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 10 นาที (ถ่ายสำรองเผื่อ 3 เทค) เพื่อจะให้งานออกมาดีที่สุด”
อินฟลูสาวยังตั้งคำถามถึงการที่ร้านนำเรื่องราวไปโพสต์ประจาน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง ทั้งที่สามารถพูดคุยกันได้ตั้งแต่ตอนอยู่ในร้าน และมองว่าทุกคนในทีมงานเสียสละเวลาส่วนตัวไปช่วยเหลือด้วยใจจริง ๆ โดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน
“แล้วที่บอกว่าเพจไม่แจ้งล่วงหน้า มาแจ้ง 8 โมง ถ่าย 9 โมง ซึ่งทางเพจได้โทรประสานก่อนหน้านั้นไปหลายวันแล้ว ไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่าร้านปิด เปิดวันเสาร์ ทุกคนต้องเสียเวลาส่วนตัว ไปเพื่อถ่ายเก็บตกร้านคุณร้านเดียว”
อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงในโลกออนไลน์ โดยชาวเน็ตบางส่วนมองว่าเป็นความผิดพลาดในการสื่อสารของทั้งสองฝ่าย ขณะที่บางส่วนก็ตั้งข้อสังเกตว่าอินฟลูเอนเซอร์บางรายอาจมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในการรีวิวร้านอาหาร
“xมองว่าทุกคนที่เข้าไปช่วย ไปด้วยใจจริงๆ เสียสละเวลาส่วนตัวไป อยากให้ร้านอาหารในจังหวัดเราเป็นที่น่าสนใจ อยากให้คนมาเที่ยวเยอะๆ อยากให้จังหวัดดีขึ้น ไม่ได้มีเจตนาไปทานของใครฟรีๆเลย ส่วนซัพพอร์ตไม่ซัพพอร์ตขึ้นอยู่กับน้ำใจเจ้าของร้าน ซึ่งทุกร้านที่เข้าไปถ่ายมา พี่ๆทีมงานทางร้านทุกร้านน่ารักมากจริงๆ ขอเดินไปจ่ายเงินค่ากาแฟที่สั่งเพิ่ม ยังไม่ยอมรับเงินเลย บอกว่าเด๋วซัพพอร์ตให้”
สรุปว่าอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังได้ออกมาชี้แจงดราม่ากับร้านคาเฟ่ ยืนยันว่าเป็นความเข้าใจผิด และไม่เคยมีเจตนาจะทานฟรี พร้อมตั้งคำถามกลับไปยังร้านถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงในการโพสต์แฉ
“แล้วที่ให้พวกเราออกมาขอโทษ ขอโทษเรื่องอะไร ต้องขอโทษประเด็นไหนคะ?? #แค่ไม่เข้าใจว่าต้องการอะไร #เราไม่ใช่ลูกค้าหรอ #ไม่ไปอีกแล้วจ้าาาาาาาาาาา”
ย้อนไทม์ไลน์ดราม่า “ขอทานฟรี”
ก่อนหน้านี้ ร้านคาเฟ่ชื่อดังในพิษณุโลกออกมาแฉพฤติกรรมอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ที่อ้างชื่อโครงการหนึ่ง เพื่อขอรีวิวร้าน แต่สุดท้ายกลับหวังจะทานฟรี แถมยังสร้างความวุ่นวายให้กับร้านในช่วงเวลาที่ลูกค้าเยอะอีกด้วย
ทางร้านระบุว่าได้รับการติดต่อจากผู้ประสานงานของอินฟลูเอนเซอร์ อ้างว่ามาในนามของโครงการดังกล่าว และจะขอถ่ายรูปอาหาร 2-3 เมนู แต่เมื่อถึงวันถ่ายจริง กลับกลายเป็นการถ่ายทำวิดีโอเต็มรูปแบบ ทำให้ใช้เวลานานและรบกวนลูกค้าท่านอื่น
ที่สำคัญคือเมื่อถึงเวลาเช็กบิล ทางอินฟลูเอนเซอร์กลับถามประมาณว่า นึกว่าเมนูที่ยกมาให้ถ่ายทางร้านจะซัพพอร์ตให้ ทำให้ทางร้านรู้สึกไม่พอใจและมองว่าเป็นการมัดมือชก เพราะไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้าว่าจะขอให้ร้านออกค่าอาหารให้
คาเฟ่ดังกล่าวยืนยันว่ายินดีต้อนรับนักรีวิวทุกท่าน แต่ขอให้สั่งอาหารและชำระเงินเหมือนลูกค้าทั่วไป หากทางร้านอยากจะมอบส่วนลดหรืออาหารให้ฟรี ก็จะเป็นไปตามน้ำใจของทางร้านเอง ไม่ใช่สิ่งที่นักรีวิวสามารถเรียกร้องได้
อย่างไรก็ตาม ทางด้านอินฟลูฯสาวได้หยิบหลักฐานข้อกำหนดการทำงานของ YEC Phitsanulok ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ที่ทางเฟซบุ๊ก YEC Phitsanulok – กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่หอการค้าจังหวัดพิษณุโลก เคยโพสต์ไว้เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมาว่า
ชี้แจง กรณี การทำงานของ YEC Phitsanulok ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism )
1. ในปี พ.ศ. 2567 YEC Phitsanulok มีความคิดริเริ่มที่จะช่วมสร้างความรู้และ ความเข้าใจถึงความสำคัญด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งจะมีส่วนช่วย ในการขับเคลื่อนและฟื้นฟูสภาพการท่องเที่ยว ภาคธุรกิจจำนวนมากให้มีการ สร้างรายได้ให้กับคนในจังหวัด
2. ต้นเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 YEC Phitsanulok ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการเชิญ ชวนผู้ประกอบการร้านอาหารในจังหวัดพิษณุโลกเข้าร่วมอบรมและสร้างความรู้ และความเข้าใจถึงความสำคัญด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ซึ่งเป็นการให้ผู้ประกอบการที่เข้าอบรมได้มีส่วนเข้าร่วมโครงการ ได้เรียนรู้ และทำแผนโมเดลธุรกิจใหม่ๆบ้าง ให้ผู้ประกอบการได้นำไปปฏิบัติจริง
3. ต่อมาในปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 YEC Phitsanulok มีโอกาสได้ร่วมจัด กิจกรรม YEC Creative Market อยู่ภายในตลาด ให้ผู้ประกอบการที่ได้เข้าร่วม อบรมจากโครงการข้างต้นได้มีโอกาสในการนำสินค้าหรือบริการของตนเองมา ขยายร้าน และทำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาเป็นแบบของร้าน
4.ปลายเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2567 YEC Phitsanulok ได้รับการประสานจากผู้รับ จ้างดำเนินกิจกรรมสร้างความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญด้านการท่อง เที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ให้ร่วมเป็นแบบในการถ่ายทำคลิป และการประชาสัมพันธ์เพื่มเติมการท่องเที่ยวชิมรสชาติอาหารที่ได้เข้าร่วม โครงการอบรม จำนวน 30 ร้าน โดยจะถ่ายทำให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน คือ 20 – 23 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ซึ่งจะเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียสัปดาห์ตอนไปต่อไป
ทั้งนี้ YEC Phitsanulok ยังคงให้ความสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหารในโอกาสอื่น ๆ ต่อไป ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามามีส่วนร่วมใน การทำกิจกรรมเพื่อจังหวัดพิษณุโลกของเรา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ขมคอ อินฟลูสาวอังกฤษ ถอดกางเกงในโชว์ เอาไปซุกกับขนมปัง
- ภารกิจลุล่วง อินฟลูฯ ดัง ขี่มอเตอร์ไซค์ข้ามโลก กทม. – ลอนดอน ภายใน 3 เดือนกว่า
- จะอ้วก! อินฟลูสาวบราซิล เอาอึป้ายหน้าตัวเอง โม้ช่วยรักษาผิวหนังได้
อ้างอิง : Facebook