ข่าว

ป.ป.ช. ฟัน “อดีตนายกเทศมนตรี” คนดัง รวยผิดปกติ ยึดทรัพย์ 20 ล้าน

ป.ป.ช. ฟันอดีตนายกเทศมนตรี-รองนายก อบต. ร่ำรวยผิดปกติ-ปกปิดทรัพย์สิน เรณู พลเสน โดนยึดทรัพย์ 21 ล้าน – มนัส แพทย์จะเกร็ง เสี่ยงถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีร่ำรวยผิดปกติ และกรณีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน รวมจำนวน 2 เรื่อง ดังนี้

เรื่องที่ 1 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวน กรณีกล่าวหา นางเรณู พลเสน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลปลายนา อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ร่ำรวยผิดปกติ

นายนิวัติไชย กล่าวต่อว่า ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า นางเรณู พลเสน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลปลายนา มีเงินฝากเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศูนย์ราชการสุพรรณบุรี ชื่อบัญชี นางเรณู พลเสน เป็นเงินรวม 20,616,000 บาท โดยนางเรณู ชี้แจงว่าส่วนหนึ่งเป็นเงินของนาย พ. ที่เอามาฝากไว้ชั่วคราว เนื่องจากมีปัญหากับภรรยาเรื่องทรัพย์สิน และได้ทยอยคืนเป็นเงินสดจนครบแล้ว อีกส่วนหนึ่งเป็นเงินที่นาย พ. นำมาชําระหนี้กู้ยืมเงิน แต่จากการตรวจสอบไม่พบหลักฐานการให้กู้ยืมเงิน และนางเรณูยังถอนใช้เงินที่ฝากไว้เสมือนเป็นของตนเอง ซึ่งผิดวิสัย

การรับฝากเงินของวิญญูชนทั่วไป และมีเงินฝากเข้าบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาศรีประจันต์ ชื่อบัญชี นางเรณู พลเสน เป็นเงินรวม 760,000 บาท โดยนางเรณู ชี้แจงว่าห้างหุ้นส่วนฯ ซื้อรถยนต์ จากตน และชำระเป็นเงินสด แต่ไม่มีพยานหลักฐานยืนยัน จึงไม่อาจรับฟังได้

นายนิวัติไชย กล่าวต่อว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้ นางเรณู พลเสน ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวมมูลค่า 21,376,000 บาท ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่ง ให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน และให้ส่งคำวินิจฉัย พร้อมด้วยข้อเท็จจริงโดยสรุป ไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อสั่งลงโทษไล่ออกภายในหกสิบวัน โดยให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม

หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้ว ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในระยะเวลาสิบปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 125

นายนิวัติไชย กล่าวต่อว่า เรื่องที่ 2 กรณีกล่าวหานายมนัส แพทย์จะเกร็ง ว่าจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลคลองโคนอำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม

จากการตรวจสอบปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายมนัส แพทย์จะเกร็ง พ้นจากตำแหน่งรองนายกแองค์การบริหารส่วนตำบลคลองโคน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 และได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นจากตำแหน่งดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564 โดยไม่ได้แสดงรายการทรัพย์สินของตนและคู่สมรส รวมมูลค่า 25,270,315.92 บาท ประกอบด้วย 1. เงินฝากธนาคาร จำนวน 3 บัญชี รวมเป็นเงิน 34,634.32 บาท, 2. ที่ดิน ตำบลคลองโคน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม จำนวน 9 แปลง รวมมูลค่า 3,350,000 บาท, 3. โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 7 หลัง รวมมูลค่า 13,385,681.60 บาท และ 4. สิทธิและสัมปทาน จำนวน 2 รายการ รวมมูลค่า 8,500,000 บาท

นายนิวัติไชย กล่าวต่อว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้ นายมนัส แพทย์จะเกร็ง จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 และมาตรา 167

นายนิวัติไชย กล่าวด้วยว่า ให้ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และลงโทษทางอาญา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) มาตรา 81 และมาตรา 167 ต่อไป ทั้งนี้ กรณีที่นายมนัส แพทย์จะเกร็ง มีรายได้จากการเพาะเลี้ยงหอยแครงเพื่อจำหน่าย จำนวน 402,708,816.46 บาท (เป็นรายได้ที่ยังไม่ยื่นชำระภาษี) ให้แจ้งกรมสรรพากรตรวจสอบและดำเนินการทางภาษีต่อไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button