กรมควบคุมโรค ยืนยัน พบผู้ป่วยฝีดาษวานร clade Ib รายแรก ในประเทศไทย
ผลออกแล้ว กรมควบคุมโรค ยืนยัน พบผู้ป่วยฝีดาษลิง สายพันธุ์ clade Ib รายแรก ในประเทศไทย โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวคองโกที่เดินทางเข้าไทย
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคฝีดาษลิง หรือ ฝีดาษวานร ที่กำลังเป็นปัญหาสาธารณสุขระดับโลกอยู่ในขณะนี้ โดยเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 มีรายงานว่า พบผู้ป่วยต้องสงสัยโรคฝีดาษวานร หรือ เอ็มพ็อกซ์ (MPox) สายพันธุ์เคลด 1 บี (clade Ib) รายแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศคองโก ก่อนที่ต่อมา นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค จะแถลงว่าต้องรอผลตรวจแน่ชัดอีกครั้ง โดยจะออกภายในวันศุกร์นี้
วันนี้ (22 สิงหาคม 2567) ‘นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร’ อธิบดีกรมควบคุมโรค ออกมาแถลงว่า ผลตรวจจากห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันพบเชื้อฝีดาษวานร สายพันธุ์ clade Ib รายแรกที่ได้รับการวินิจฉัยในประเทศไทย ซึ่งต่อจากนี้ต้องรายงานผลไปยังองค์การอนามัยโลกตามมาตรฐาน IHR พร้อมได้กำชับไปยังกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรคทุกด่าน มุ่งเน้นด่านที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
จากนี้จะให้เข้มงวดในมาตรการมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาด และไม่ว่าจะเปลี่ยนเครื่องที่ไหน หากต้นทางเป็นประเทศที่มีการระบาด ต้องลงทะเบียนผ่านระบบ Thai Health Pass และต้องผ่านกระบวนการคัดกรองกับเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศฯ
สำหรับการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายดังกล่าว จำนวน 43 ราย ขณะนี้ยังไม่พบรายใดมีอาการป่วย ซึ่งกรมควบคุมโรคยังคงเฝ้าระวังและติดตามอาการอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะครบ 21 วัน หากมีอาการไข้ มีผื่น ต่อมน้ำเหลืองโต ให้รีบเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลทันที
ด้าน ‘นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์’ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในปัจจุบันประเทศไทยมีมาตรการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากในพื้นที่เขตติดโรคไข้เหลือง 42 ประเทศ โดยกำหนดให้ผู้ที่เดินทางลงทะเบียนผ่านระบบ Thai Health Pass และต้องผ่านกระบวนการคัดกรองกับเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคฯ
ผู้โดยสารจะได้รับการวัดอุณหภูมิร่างกาย สอบถามอาการ และสังเกตผื่นตามร่างกาย หากมีอาการเข้าได้กับโรคฝีดาษวานร จะมีการแยกกักผู้เดินทาง ซักประวัติ ตรวจร่างกายเพิ่มเติม พร้อมเก็บสิ่งส่งตรวจ เพื่อส่งห้องปฏิบัติการของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศฯ และส่งผู้ป่วยต่อไปยังสถาบันบำราศนราดูร
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการที่เตรียมพร้อมสำหรับการคัดกรองและกักกันโรคเพิ่มเติม ดังนี้
1. ให้ผู้เดินทางที่เดินทางมาจาก 42 ประเทศเขตติดโรค และประเทศที่มีการระบาดของโรคฝีดาษวานร ลงทะเบียนระบบ Thai Health Pass ล่วงหน้า ก่อนเข้าสู่ระบบ Check in ของสายการบิน ณ ประเทศต้นทาง
2. เมื่อผ่านด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศฯ จะต้องผ่านการคัดกรอง และวัดอุณหภูมิร่างกายด้วย handheld thermoscan หากอุณหภูมิเกิน 36.8 องศาเซลเซียส จะต้องวัดอุณหภูมิทางหูซ้ำอีกครั้ง ซักประวัติ อาการเพิ่มเติม จึงจะผ่านไปยังพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และหากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองพบเจอผู้โดยสารที่มีอาการเข้าได้กับโรคฝีดาษวานรให้ส่งกลับมารับการตรวจเพิ่มเติม ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศฯ
3. มีการแจก Health Beware Card สำหรับผู้เดินทางทุกคนจากประเทศเสี่ยง กรณีมีอาการหลังจากเข้าประเทศให้รายงานอาการผ่าน QR code ที่ปรากฏบน Health Beware Card เพื่อให้ทางกรมควบคุมโรคได้ติดตามต่อเนื่อง และเข้ารับการรักษา ณ สถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
4. กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค เตรียมความพร้อมสำหรับการกักกัน หากมีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง โดยเตรียมอาคารกักกันโรค 4 ชั้น จำนวน 60 ห้อง หากมีการเดินทางแบบครอบครัวจะมีห้องกักกันแบบกลุ่มเตรียมสำรองไว้พร้อม
ทั้งนี้ โรคฝีดาษวานร ส่วนใหญ่มักมีอาการผื่นขึ้นตามร่างกาย ไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น อาการไอหรือมีน้ำมูก จึงมีโอกาสแพร่กระจายเชื้อได้น้อยกว่าโรคโควิด 19 หรือไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมีอาการไอและมีน้ำมูก การติดเชื้อโรคฝีดาษวานร ยังเป็นการสัมผัสใกล้ชิด ดังนั้นการล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับคนไม่รู้จัก หลีกเลี่ยงไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด และหลีกเลี่ยงสัตว์ฟันแทะที่นำเข้าจากประเทศที่มีการระบาด เช่น กระรอก หนู จะเป็นวิธีที่ป้องตนเองได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- วิธีรับมือฝีดาษลิง Clade 1b เช็กอาการ เพศไหนติดได้บ้าง-พิกัดฉีดวัคซีน
- เปิดที่มา ‘โรคฝีดาษลิง’ ทำไมถึงใช้ชื่อนี้ พบครั้งแรกในสัตว์เมื่อ 60 ปีก่อน
- กรมควบคุมโรค เผยไทม์ไลน์ผู้ป่วยฝีดาษลิง ยังไม่ฟันใช่ชนิด 1b ไหม