ศาลนัด ‘หมอเหรียญทอง’ ตรวจพยาน 9 ธ.ค. ปมตบหน้าเด็ก 14
ศาลอาญานัด หมอเหรียญทอง และพวก ตรวจพยานวันที่ 9 ธันวาคมนี้ จากกรณีตบหน้าเด็ก 14 สูบบุหรี่ห้องน้ำ ยื่น 160,000 แลกประกันตัว
พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 นำคำฟ้องพร้อมตัว นพ.เหรียญทอง แน่นหนา หรือ หมอเหรียญทอง, นพ.เหรียญตรา แน่นหนา และผู้ต้องหาอีก 2 ราย ส่งฟ้องเป็นจำเลยที่ 1-4 ต่อศาลอาญา ในข้อหา “ร่วมกันกรรโชก, ทำร้ายร่างกายผู้อื่น, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย, กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, กระทำด้วยประการใดๆ ต่อผู้อื่นอันเป็นการรังแกข่มเหง คุกคาม หรือให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ, กระทำการอันเป็นการทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก” จากกรณีตบเด็ก 14 ที่สูบบุหรี่ในห้องน้ำโรงพยาบาล และบังคับให้เด็กแก้ผ้าเดินออกจาก รพ.มงกุฎวัฒนะ นั้น
โดยคำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 67 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยทั้ง 4 ได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมาย และจำเลยที่ 1 แยกกระทำผิด กล่าวคือ จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันข่มขืนใจเด็กชาย อายุ 14 ปี ผู้เสียหาย บังคับให้ผู้เสียหายชำระเงินค่าปรับ เรื่องที่ผู้เสียหายสูบบุหรี่ภายในโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ จำนวน 5 พันบาท ให้แก่จำเลยทั้ง 4 ด้วยการขู่เข็ญว่าหากไม่ชำระเงินจำนวนดังกล่าว จำเลยทั้ง 4 จะยึดโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายไว้เป็นประกัน อันเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อทรัพย์สินของผู้เสียหาย จนผู้เสียหายเกิดความกลัว แต่ผู้เสียหายไม่มีเงินจำนวนดังกล่าว จำเลยทั้ง 4 จึงยึดโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้เสียหายไว้เป็นประกัน โดยผู้เสียหายไม่ยินยอม
จากนั้น นพ.เหรียญทอง จำเลยที่ 1 ได้ตบไปที่ใบหน้าของผู้เสียหาย จากนั้นจับแขนผู้เสียหายจูงออกจากห้องโถง อาคาร 3 โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ไปข้างนอกอาคารบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน โดยขณะเดินออกนอกอาคารนั้น จำเลยที่ 1 ตบใบหน้าผู้เสียหายอีกครั้ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายร้องไห้ และได้กล่าวขอโทษจำเลยที่ 1 เมื่อถึงบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน ผู้เสียหายนั่งลงและยกมือไหว้ขอโทษ แต่จำเลยที่ 1 ยังทำร้ายต่อไป อันเป็นการทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจของผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็ก เป็นเหตุให้ผู้เสียหายเป็นอันตรายแก่กาย มีบาดแผลถลอกและฟกช้ำ ตามรายงานการตรวจบาดแผลท้ายฟ้อง
นอกจากนี้ จำเลยที่ 1 ยังได้บังคับให้ผู้เสียหายถอดเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ออกทั้งหมด โดยผู้เสียหายนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ จนผู้เสียหายถูกข่มขืนใจต้องยอมถอดเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ออกจนหมด อยู่ในสภาพเปลือยกาย จากนั้นจำเลยที่ 1 บังคับให้ผู้เสียหายเดินไปจากโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะไปตามถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร อันเป็นการเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รังแก ข่มเหง คุกคาม หรือให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ เป็นการกระทำทารุณต่อร่างกายหรือจิตใจผู้เสียหาย เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร โดยขอให้บวกโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.1015/2565 หมายเลขแดงที่ อ.2008/2566 ของศาลอาญา เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ด้วย
ในชั้นสอบสวนจำเลยทั้ง 4 ให้การปฏิเสธตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเฉพาะข้อหาเล็กๆ และลหุโทษ (ม.397 และอื่นๆ) โดยศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังแล้ว จำเลยทั้ง 4 ให้การปฏิเสธ ศาลนัดตรวจหลักฐาน วันที่ 9 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ทั้งนี้ ภายหลังถูกฟ้อง จำเลยทั้ง 4 ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ 160,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างพิจารณาคดี ศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตปล่อยชั่วคราว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง